คำถามตรง ประยุทธ์ ประวิตร กลยุทธ์ ‘แยกกันเดิน รวมกันตี’
“แยกกันเดิน” ยังเป็นยุทธวิธีอันเด่นชัดยิ่งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
จะประเมินว่าเป็นการ ‘ทดสอบ’ กำลังที่ยืนอยู่ ‘เบื้องหลัง’ ก็ได้
แม้การเดินสายไปยังสมุทปราการ ไปยังชัยนาท ไปยังชลบุรีจะมากด้วยความแจ่มชัดว่าเป็นใครบ้างที่แวดล้อมอยู่ด้วยความอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็น นายสุชาติ ชมกลิ่น ไม่ว่าจะเป็น นายอนุชา นาคาศัย
กระนั้น ก็มีความจำเป็นต้องตรวจสอบอีกครั้งจากยุทธการการไปเยือนเพชรบุรี เพราะเมื่อไปสมุทรปราการ ไปชัยนาท ไปชลบุรี ก็ไปอย่างโดดๆพร้อมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เท่านั้น
แต่สำหรับในการเดินสายไปยังเพชรบุรีในวันที่ 22 กันยายน ยังมีการเดินสายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพียงแต่มิได้ร่วมไปยัง เพชรบุรีหากแต่เป็นพระนครศรีอยุธยา
นี่ย่อมเป็นห้วงเวลาอันยอดเยี่ยมที่สุดในการ ‘ตรวจสอบ’ พลัง
คำถามอันเกิดจากกรณีกำหนด ‘เดินสาย’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพชรบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อยุธยาจึงสำคัญ
สำคัญต่อยุทธวิธี ‘แยกกันเดิน’ ว่าจะเพื่อ ‘รวมกันตี’ หรือไม่
ต้องยอมรับว่า ‘หมายกำหนด’ ทั้งหมดไม่ว่าจะมองผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมองผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำเนินไปในฐานะนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี
จึงไม่แปลกที่จะมีรัฐมนตรีมหาดไทยไปแวดล้อม จึงไม่แปลกที่ จะมีรัฐมนตรีแรงงานไปแวดล้อม
ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน กล่าวสำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อเป็นการไปทั้งในฐานะของรองนายกรัฐมนตรีและในฐานะของหัว หน้าพรรคพลังประชารัฐ
จึงไม่แปลกที่ไม่ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะร่วมไปด้วย
จึงไม่แปลกที่ไม่ว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จะร่วมไปด้วย
ข้อคาดหมายของสังคมจึงมิได้อยู่ที่การร่วมขบวนไปของรัฐมนตรีประการเดียว หากแต่ยังเฝ้ามองว่าจะมีกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐไปร่วมด้วยหรือไม่ อย่างไร
คำถามนี้สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มิได้แปลก
หากว่าเป็นรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ หากว่าเป็นกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ก็ย่อมจะต้องแวดล้อม อยู่โดยรอบหัวหน้าพรรคอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ที่แปลกอย่างยิ่งกลับอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
