‘พิจารณ์’ ชี้ ‘ฝ่ายมั่นคง’ ชง ครม. ของบกลางถี่ จับไต๋ ‘มหาดไทย’ ปั้นโครงงาน โปรยเงินหาเสียงล่วงหน้า

‘พิจารณ์’ ชี้ ‘ฝ่ายมั่นคง’ ชง ครม. ของบกลางถี่ เพราะใกล้สิ้นปีงบประมาณ จับไต๋ ‘มหาดไทย’ ปั้นโครงงาน ศก.ฐานราก โปรยงบ 3.4 พันล้าน เพื่อ ‘หาเสียงล่วงหน้า’

เมื่อวันที่ 22 กันยายน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ทำเรื่องขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการใช้งบประมาณ จากงบกลาง พ.ศ.2564 ว่าการที่หลายหน่วยงานเข้ามาขอการใช้งบกลางจำนวนมากในช่วงนี้ สืบเนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณ 2564 จึงเป็นการทิ้งทวนการของบที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งคาดว่าในการประชุม ครม. สัปดาห์หน้าคงจะมีอีกหลายหน่วยงานทำเรื่องเข้ามาขออนุมัติอีก

กรณีที่ สตช.เข้ามาขออนุมัติงบกลาง ผ่านศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) วงเงิน 633,514,600 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการขอย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 นั้น ตนยังไม่เห็นเอกสารรายละเอียดการใช้จ่าย แต่คิดว่างบส่วนนี้น่าจะเกี่ยวกับรายจ่ายค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ของ ศปม.ตร. เช่น เจ้าหน้าที่ด่านตรวจต่างๆ ส่วนกรณีการของบกลาง กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ก็เป็นการขอย้อนหลัง ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 วงเงิน 380,444,840 บาท ก็คาดว่าน่าจะเป็นการใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในช่วงโควิด-19 ส่วนการของบกลางของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม วงเงิน 130,569,700 บาท ก็ขอเพื่อไปทำพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชน

นายพิจารณ์กล่าวว่า งบที่หน่วยงานด้านความมั่นคงขอรับไปทั้งหมดเกือบ 1 พันล้านบาทนั้น หากเทียบกับผลลัพธ์การทำงานก็ไม่ออกมาเป็นที่ประจักษ์เท่าไหร่ว่าใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และในส่วนของกระทรวงกลาโหม ได้รับงบประมาณในแต่ละปีกว่า 2 แสนล้านบาท ก็มีงบเหลือ และสามารถประหยัดงบแผ่นดินได้ โดยไม่ต้องเข้ามาใช้เงินจากงบกลางอีก

Advertisement

นายพิจารณ์กล่าวว่า ส่วนกระทรวงมหาดไทยที่ขอใช้งบกลาง 3,484,270,381 บาท เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 5 ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 รวม 11 จังหวัด จำนวน 1,013 โครงการ ตนคิดว่างบส่วนนี้ที่ขอไปจะเป็นเบี้ยหัวแตก และหลายโครงการก็ไม่ได้ตอบโจทย์ของเศรษฐกิจฐานราก แต่เป็นการตอบโจทย์เพื่อหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image