ราชกิจจาประกาศใช้กฎกระทรวงกำลังพลสำรอง กำหนดคราวละ 6 ปี ยกเว้นหลายกรณี

เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศใช้กฎกระทรวงกิจการกำลังพลสำรองพ.ศ.2559 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 15 วรรคสอง มาตรา 19 (3) มาตรา 20 วรรคสี่ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง (2) และ (7) และมาตรา 32 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกกฎกระทรวงไว้ มีเนื้อหาสำคัญ อาทิ ในหมวด 1 ว่าด้วยการกำหนดเวลาการเป็นกำลังพลสำรอง การยกเว้นการเป็นกำลังพลสำรอง และการพ้นจากการเป็นกำลังพลสำรอง ข้อ 1 การเป็นกำลังพลสำรอง ให้มีกำหนดเวลาคราวละหกปีนับแต่วันที่บรรจุรายชื่ออยู่ในบัญชีบรรจุกำลัง และในกรณีที่เป็นกำลังพลสำรองตามมาตรา15 (2) จะเป็นกำลังพลสำรองเกินห้าคราวมิได้
ข้อ 2 บุคคลตามมาตรา 15 (2) ดังต่อไปนี้ ให้ได้รับการยกเว้นการเป็นกำลังพลสำรอง (1) ทหารกองเกินที่ยังไม่พ้นหน้าที่ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
2) คนพิการทุพพลภาพหรือบุคคลที่มีโรคตามบัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงนี้หรือมีความพิการหรือโรคอื่นใดซึ่งคณะกรรมการแพทย์ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดมีความเห็นว่าไม่สมควรเป็นกำลังพลสำรอง
3) คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (4) พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์หรือที่เป็นเปรียญ และพระภิกษุผู้ปกครองสงฆ์ที่มีตำแหน่งตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไป นักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกายที่มีสมณศักดิ์ หรือพระภิกษุ สามเณรและนักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกายซึ่งเป็นนักธรรมตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง
(5) อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ในศาสนาอิสลาม เจ้าอธิการวัดและผู้ช่วยเจ้าอธิการวัดที่เจ้าอธิการวัดรับรอง สำหรับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก หรือหัวหน้าสำนัก หรือเจ้าหน้าที่ หรือผู้ช่วยหัวหน้าในสำนักสอนศาสนาสำนักใหญ่ที่หัวหน้าสำนักรับรอง สำหรับศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์และบุคคลในศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจำในกิจของศาสนาตามที่กระทรวงกลาโหมประกาศกำหนด(6) บุคคลซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ
(7) บุคคลซึ่งรับโทษจำคุกอยู่โดยคำพิพากษาของศาล8() บุคคลซึ่งเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกครั้งเดียว หรือหลายครั้งรวมกัน
ตั้งแต่สิบปีขึ้นไป
ข้อ 3 ให้กำลังพลสำรองพ้นจากการเป็นกำลังพลสำรองตามมาตรา 19 (3) ในกรณีดังต่อไปนี้(1) ตาย, (2) เป็นบุคคลที่มีลักษณะตามข้อ 2 (2), (3) ถูกถอนสัญชาติไทย สละสัญชาติไทย หรือแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว, (4) ได้รับโทษจำคุกอยู่โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกตั้งแต่หกปีขึ้นไป เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ, (5) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นกำลังพลสำรองตามที่กำหนดในข้อบังคับที่ออกตามมาตรา15 (6) พ้นราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร เว้นแต่ผู้ที่สมัครเข้าเป็นกำลังพลสำรองตามมาตรา 15 (1)

หมวด 2 การผ่อนผันให้กำลังพลสำรองไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร ข้อ 4 กำลังพลสำรองดังต่อไปนี้ อาจขอรับการผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับราชการทหารในการเรียกกำลังพลสำรองเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร และเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม ได้แก่ (1) พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกาย(2) บุคคลในศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจำในกิจของศาสนา และมิใช่บุคคลที่ได้รับการยกเว้นการเป็นกำลังพลสำรองตามข้อ 2 (5) ทั้งนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมประกาศกำหนด(3) ครูซึ่งสอนประจำเฉพาะวิชาหรือประจำทำการสอน นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่าสิบห้าคนเป็นปกติ และมีเวลาสอนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่าสิบแปดชั่วโมงสำหรับครูซึ่งประจำทำการสอนในสถานศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาลงมา หรือไม่น้อยกว่าสิบห้าชั่วโมงสำหรับครูซึ่งประจำทำการสอน เป็นต้น
คลิกอ่านฉบับเต็มที่นี่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image