09.00 INDEX คำสั่ง “ปลด” ธรรมนัส พรหมเผ่า “น้ำผึ้งหยดเดียว” ทางการเมือง
หากการบริหารจัดการทางการเมืองดำเนินไปตาม “พิมพ์” เขียวที่จัดวางเอาไว้ หลังสถานการณ์ “ปลด” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน
ที่จะตามมาก็คือ การรุกเข้าไปและจัดระเบียบ “ภายใน” พรรคพลังประชารัฐใหม่
ในเมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็แถลงข่าวว่ามีความอึดอัดจนถึงกับต้องยื่นใบลาออก และประกาศว่าจะคืนกลับไปยังฐานที่มั่นของตนในภาคเหนือ
ในเมื่อแม้กระทั่งตำแหน่งรัฐมนตรีก็ยังไม่สามารถรั้งดึงเอาไว้ได้ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะต้องเก็บ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เอาไว้ในตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” ต่อไปอีก
ความจำเป็นก่อนเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญในเดือนพฤศจิกายนก็คือ จะต้องจัดระเบียบในพรรคพลังประชารัฐใหม่
นั่นก็คือ อยู่ในอำนาจของ “กลุ่ม 3 ป.” อย่างเบ็ดเสร็จ
สภาพการณ์อย่างที่ปรากฏในห้วงแห่งญัตติขอเปิดอภิปราย ทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจจึงจะไม่เกิดขึ้นอีก
ปมเงื่อนของเรื่องราวซึ่งแทนที่จะจบลงอย่างรวดเร็วกลับกลายเป็นศึกยืดเยื้อก็คือ เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ แจ้งความจำนงขอลาออกกลับได้รับการคัดค้าน
เป็นการคัดค้านและขอให้อยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรคตามเดิม
เท่ากับคำสั่ง ”ปลด” มีความหมายแต่ไม่ได้ส่งผลสะเทือน
ไม่เพียงแต่จะรักษาตำแหน่งเลขาธิการให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตำแหน่งเหรัญญิกให้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หากยังแต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นเลขาธิการพรรค
เท่ากับเป็นการสร้างและตั้ง “ป้อมค่าย” ภายในขึ้นมาอีกจากการ
ตัดสินใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค
จากนั้นเป็นต้นมาความพยายามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เริ่มมีอุปสรรค และยิ่งขยายความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากยิ่งขึ้นนำไปสู่ “ประลองพลัง”
สถานการณ์จึงเรียกร้องให้มีการเลือกข้าง แบ่งสาย กลายเป็น ความอ่อนแอในห้วงแห่ง “ขาลง” ของรัฐบาล
เป็นการทดสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แหลมคมยิ่ง