‘รัชดา’ แจงฉีดนักเรียน ไม่ได้บังคับ หวังสร้างภูมิคุ้มกันพร้อมเปิดเทอม ชี้ไทย ปท.แรกอาเซียน บูสเข็ม3

“รัชดา” แจง ฉีดวัคซีนป้องโควิดเด็กผู้ปกครองต้องยินยอม รบ.ไม่ได้บังคับ หวัง สร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมเปิดเทอม 1 พ.ย. โวไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน บูสเข็ม3

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงกรณี การฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนที่เริ่มในวันที่ 4 ตุลาคม ว่า โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ ในเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อไปเป็นกำลังใจให้กับนักเรียน ครูอาจารย์ และคณะทำงานในการดำเนินการเริ่มฉีดวัคซีน ซึ่งในการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนดังกล่าวขอย้ำว่าจะฉีดให้กับนักเรียนทุกคนตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปโดยต้องให้ผู้ปกครองยินยอมในการที่จะฉีดวัคซีน หาก ผู้ปกครองรู้สึกว่าไม่สบายใจ ยังมีความกังวล รัฐบาลก็ไม่ได้บังคับ แต่โครงการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนทุกคนทั่วประเทศนี้ก็เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กนักเรียนทุกคนเตรียมพร้อมในการเปิดเทอมในวันที่ 1 พฤศจิกายน

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีคำถามขึ้นมาว่าหากเป็นเด็กนักเรียนอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป จะยังได้รับการฉีดไฟเซอร์เหมือนนักเรียนคนอื่นในโรงเรียนหรือไม่ซึ่งยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลคือเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป หากเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับคนที่อยู่ในระดับอุดมศึกษาเป็นนักศึกษาขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการร่วมกับที่ประชุมของคณะทำงานอธิการบดี เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยต่างๆที่รับจะไปดำเนินการในการฉีดวัคซีนให้กับนักศึกษาในแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ดำเนินการไปมากแล้ว แต่สำหรับนักศึกษาที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปนั้น ก็จะอยู่ในกลุ่มเหมือนประชาชนทั่วไปซึ่งจะได้รับการฉีดวัคซีนแบบไขว้ คือเข็มแรกเป็นซิโนแวก เข็มที่สองเป็นแอสตร้าเซเนก้า แต่ถ้าในอนาคตเรามีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามามากขึ้นก็อาจจะเป็นการฉีดซิโนแวกกับไฟเซอร์ก็ได้ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในแผนการบริหารจัดการที่มีการควบคุมดูแลและวางแผนเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้นักศึกษาก็เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ตัวเลขการฉีดวัคซีนอัพเดตเป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียน ประเทศไทยจำนวนผู้ฉีดวัคซีนตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง 3 ตุลาคม 2564 วันนี้มีทั้งหมด 55 ล้านกว่าโดสแล้ว ซึ่งถ้าเป็นเข็มที่หนึ่ง 32 ล้านราย เข็มที่สอง 20 ล้านราย เข็มที่สาม 1.4 ล้านราย ส่วนอาเซียน ที่ฟิลิปปินส์ 45 ล้านโดส เวียดนาม 43 ล้านโดส สปป.ลาว 5 ล้านกว่าโดส บรูไน เกือบ 5 แสนโดส และที่เน้นคือยังไม่มีประเทศไหนในอาเซียน ที่ประชาชนได้รับการฉีดบูสเตอร์เข็มที่สาม ก็มีประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีจำนวนผู้ที่ได้รับการฉีดเข็มที่สามแล้ว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image