เดินหน้าชน : ร้าวนอก-ร้าวใน

ปรากฏการณ์ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนต่อเนื่องต้นตุลาคม ระหว่างพี่น้อง “2 ป.” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในต่างจังหวัด

มิใช่ควงคู่ลงพื้นที่ หากเป็นแยกสายไปคนละทาง ฉายภาพอย่างน้อย 2 ประการ

ประการแรก สะท้อนเอางานเอาการดูแลทุกข์สุขประชาชน กลมกลืนไปกับการหาเสียงเรียกคะแนนนิยม เช่นเดียวกับหลายพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน บ่งบอกกลายๆ ปี่กลองเลือกตั้งอาจกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า

ประการที่สอง การเดินแยกกันก็เหมือนตอกย้ำข้อสังเกตก่อนหน้านี้ ถึงร่องรอยอาการไม่ “คลิก” ระหว่างสองพี่น้อง ที่ต่างฝ่ายต่างจัดขบวนลงพื้นที่ กระทั่งถูกนำไปเปรียบในเรื่องการ “วัดพลัง”

Advertisement

เป็นความต่อเนื่องภายหลัง “น้องตู่” ออกคำสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จาก รมช.เกษตรและสหกรณ์

ปลด “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้น รมช.แรงงาน

ทั้งที่รับรู้กัน บุคคลทั้งสองถือเป็นผู้ใกล้ชิด “ลุงป้อม” งานนี้มีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวออกจะขัดเคืองอยู่ไม่น้อย

โดยเฉพาะผู้กองธรรมนัสที่ พล.อ.ประวิตรหมายมั่นให้เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะตอบคำถามนักข่าวยืนยันความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร เรื่องการปลด 2 รัฐมนตรีช่วย ว่าได้เคลียร์ใจกันหรือยัง

“ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ เห็นหน้าก็รู้ใจ ต่างคนต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน ยืนยันไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน การดำเนินการอะไร ก็ขอให้เป็นไปตามกติกาของประชาธิปไตย อะไรที่เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีทำได้ ก็ทำ ซึ่งไม่มีวันที่จะไม่เข้าใจกัน ขอยืนยันอีกครั้ง”

สำทับอีกครั้งจาก พล.อ.ประวิตรยืนยันความแน่น แฟ้นกลมเกลียวของพี่น้อง 3 ป.

“ผมกอดคอกับนายกฯ สนิทสนมกันมา 50 กว่าปี จำไว้ ให้ตายจากกัน เรา 3.ป ถึงจะเลิกรักกัน บ้าบอมากกับข่าวทะเลาะกัน ซึ่งนายกฯก็มาหาผมทุกวัน ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ใครจะไปทะเลาะกัน”

แต่สิ่งที่ได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอก็คือคำที่ว่า “การกระทำ สำคัญกว่าคำพูด” อาจให้คำอธิบายถึงการแยกกันลงพื้นที่แตกต่างกันออกไป

นอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสองพลเอก และพรรคพลังประชารัฐที่ยังเป็นข้อสงสัย

ยังมีปัญหาภายนอกกับพรรคร่วมรัฐบาล “ประชาธิปัตย์” ที่ต้องส่อปะทุความขัดแย้ง จากมติคณะรัฐมนตรีให้ 4 กรมภายในกระทรวงเกษตรฯ ที่ ร.อ.ธรรมนัสเคยดูแลอยู่ ไปยกให้ขึ้นตรงกับ พล.อ.ประวิตร

ทั้งที่กระทรวงเกษตรฯอยู่ในความรับผิดชอบของพรรคประชาธิปัตย์ โดยหลักการทั้ง 4 กรมต้องกลับไปอยู่ในการดูแลของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ

หักกันเช่นนี้นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “เกาเหลา”

ประชาธิปัตย์แสดงท่าที่ไม่พอใจผ่าน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคฯ “การรวบไป 4 กรม หลักการบริหารราชการแผ่นดินให้กลับไปศึกษาให้ดี ความคิดของคนถ้าคิดดีทำดีไม่เป็นปัญหาแน่ ถ้านายจุรินทร์ (ลักษณวิศิษฏ์ หัวพรรคประชาธิปัตย์) จะขอดูกรมในกระทรวงที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐมนตรีว่าการบ้าง ส.ส.พลังประชารัฐจะคิดอย่างไร เราทำงานร่วมกันควรให้เกียรติกัน ทุกพรรคมีศักดิ์ศรี ถ้าคิดกันแบบนี้ ทำกันแบบนี้ จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ พรรคจะตอบประชาชนอย่างไร เรื่องนี้เชื่อว่าหากยังเป็นอยู่เช่นนี้ ยากที่จะราบรื่น”

ปัญหารอยร้าวในพลังประชารัฐ ปรับ ครม.ที่ยังคาราคาซัง ปมขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล

เชื่อกันว่าภายในเดือนตุลาคม “ลุงตู่” จะต้องตัดสินใจทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง

สัญญา รัตนสร้อย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image