การสยบปัญหาชั่วคราว ของ ‘ประยุทธ์’ กับ ‘ประวิตร’
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมายให้โฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรีออกมาขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่จะเสนอให้เป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
เมื่อประสานเข้ากับคำสั่งแต่งตั้ง พล.อ.ณัฎฐพล นาคพานิช ซึ่ง เกษียณจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็น ‘ที่ปรึกษา’
เมื่อประสานเข้ากับการนัดหารืออย่างเป็นทางการระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฎ์
แล้วออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีมอบคืน 4 กรมในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เคยอยู่ในการกำกับของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับเป็นของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เหมือนเดิม
ปัญหาทางการเมืองอันมีจุดเริ่มจากการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จบลงชั่วคราว
นั่นก็คือ เป็นไปตามคำประกาศที่ว่า จะไม่มี ‘การปรับครม.’
ไม่ว่าที่ออกมาจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าที่ออกมาจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หากอ่านผ่านการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และผ่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็จะเห็นได้ใน ‘เป้าหมาย’ แท้จริงว่าอยู่ที่ใด
ภาพไม่ว่า ‘ใต้ดิน’ ไม่ว่า ‘บนดิน’ ซึ่งออกมาจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เสมอเป็นเพียง ‘การต่อรอง’ ในทางการเมือง
คำตอบเห็นได้จากการลอยคอที่ เสนา พระนครศรีอยุธยา
เป็นคำตอบต่อการเดินสายอย่างต่อเนื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่สมุทรปราการ ชัยนาท ชลบุรี เพชรบุรี สุโขทัย นนทบุรี และนครศรีธรรมราชตามลำดับ
เมื่อมีการปรับตัวและยอมรับต่อข้อเสนอคำตอบของพรรคพลัง
ประชารัฐก็คือการสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
ต้องยอมรับว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นจริงเพียงแต่เป็นความขัดแย้งใน กลุ่มพวกเดียวกัน มิได้มีการพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งในเชิงปรปักษ์อันนำไปสู่การแยกตัว แต่ก็สะท้อน ‘ปัญหา’ ออกมาแจ่มชัด
ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาที่ดำรงอยู่ ‘ภายใน’ หากแต่ถ้าไม่รอบคอบ และรัดกุมก็อาจจะขยายกระทบไปสู่ ‘ภายนอก’ ได้
กระนั้น ปัญหา ‘ภายใน’ นี้ก็ใช่ว่าจะสงบลงอย่าง ‘ราบคาบ’
