ผสานวัฒนธรรม เรียกร้องรัฐบาล-ตร.ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ ‘สามเหลี่ยมดินแดง’ ขอยุติดำเนินคดีเด็ก-เยาวชน

ผสานวัฒนธรรม เรียกร้องรัฐบาล-ตร.ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ ‘สามเหลี่ยมดินแดง’ ขอยุติดำเนินคดีเด็ก-เยาวชน

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม องค์กรเอกชนซึ่งไม่แสวงผลกำไร ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจทบทวนการดำเนินการ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงโดยด่วน พร้อมกันนี้ได้มีข้อแนะนำ 7 ข้อเรียกร้อง ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2564 จนบัดนี้ เป็นเวลาเกือบสองเดือนเต็มที่การชุมนุมของเยาวชนบางกลุ่มเพื่อประท้วงการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการปราบปรามการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ทำให้บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงกลายเป็น “สมรภูมิของการสู้รบ” ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.กับผู้ชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนและบางส่วนเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

การปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเยาวชนกับเจ้าหน้าที่ คฝ. หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็น “การสู้รบ” เกิดขึ้นจนกลายเป็นเหตุการณ์ประจำวัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 17.00 น. ก่อนเวลาเคอร์ฟิว จนถึงเวลารุ่งเช้าของอีกวันหนึ่ง

นอกจากจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความเสียหายต่อทรัพย์สินของทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อปกติสุขและความเสียหายทางทรัพย์สินต่อประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะชุมชนชาวแฟลตดินแดงที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

จากภาพและคลิปวิดีโอที่ถูกบันทึกเหตุการณ์โดยสื่อออนไลน์และสื่ออิสระมากมายพบว่า สถานการณ์เกิดขึ้นจากฝ่ายหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่อ้างว่าปฏิบัติตามหน้าที่ ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา อีกทั้งมีอำนาจตามกฎหมาย โดยการนำกองกำลังเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบติดอาวุธสงครามเป็นอาวุธประจำกาย พร้อมเกราะป้องกันตัว จำนวนไม่น้อยกว่า 100 คน ในแต่ละวัน การใช้แก๊สน้ำตาเป็นการทั่วไป ยิงเข้าใส่ผู้คนโดยไม่จำแนก

Advertisement

การติดตามผู้ชุมนุมที่สลายตัวและเข้าถึงหลบยังห้องพักบริเวณแฟลตดินแดง ไปจนถึงการปิดถนน การใช้ตัวหรือรถกีดขวางเส้นทางการขับขี่จักรยานยนตร์ผู้ชุมนุมและการยึดรถจักรยานยนต์ การใช้ปืนหรืออาวุธสงครามจ่อยิง (โดยไม่ได้ลั่นกระสุน) ต่อผู้ชุมนุม การใช้อาวุธปืนยิงด้วยกระสุนยาง การจับกุมดำเนินคดีบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงโดยไม่จำแนก

การจับกุมเด็กและเยาวชนในสถานที่ชุมนุม การจับกุมบุคคลที่เดินทางผ่านไปมาโดยผิดหลง โดยอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงพลเมืองที่ประสบกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ คับแค้นทางด้านจิตใจ โดยเห็นว่าตนมีสิทธิเสรีภาพที่จะชุมนุม ส่งเสียงเรียกร้อง หรือประท้วงรัฐบาล โดยในระยะแรกก็เริ่มจากสองมือเปล่า แต่เมื่อถูกปราบปรามอย่างหนัก จนต้องหาอุปกรณ์เท่าที่ประดิษฐ์คิดขึ้นได้เพื่อตอบโต้ ไม่ว่าจะเป็นระเบิดปิงปอง ระเบิดขวด หนังสติ๊ก เป็นต้น

กลายเป็นสถานการณ์ที่วิ่งไล่จับกันอย่างไม่มีวันจบสิ้น หากปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไป ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพื่อยุติความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามและฝังรากลึกมากขึ้นไปอีก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ดังต่อไปนี้

1.ขอให้รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ทบทวนนโยบายในการปราบปรามการชุมนุม โดยขอให้เคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุมโยสงบและสันติ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย

2.ขอให้รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักว่าการใช้กำลังเข้าปราบปรามการชุมนุมโดยสงบของประชาชน เป็นการยั่วยุให้มีการตอบโต้ การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจะนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด ดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และในการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงนี้ด้วย

3.การแก้ปัญหาการชุมนุม เจ้าหน้าที่จะต้องบริหารจัดการการใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อให้เกิดความสดวกแก่ประชาชนที่ใช้พื้นที่สาธารณะ รวมทั้งผู้ที่ใช้สิทธิในการชุมนุมตามรัฐรรมนูญด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างประชาชน โดยที่เจ้าหน้าที่จะต้องเป็นเครื่องมือทางการเมื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รวมทั้งฝ่ายรัฐบาล แต่จะต้องเป็นเครื่องมือของกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญ

4.สำหรับรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารประเทศเพื่อประชาชนทุกคน ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะผุ้ชุมนุม ถึงแม้จะเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเห็นแตกต่าง วิพากษ์วิจารณ์ หรือประท้วงรัฐบาล จึงต้องเปิดพื้นที่ให้มีการเจรจา หรือรับฟังความคิดเห็นของผู้ชุมนุมอย่างตรงไปตรงมา

5.สำหรับผลกระทบที่เกิดความเสียหายต่อทุกฝ่ายจากการชุมนุมและการใช้กำลังสลายการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชนพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง รัฐจะต้องชดใช้เยียวยาอย่างเหมาะสมโดยเร็ว ทั้งนี้ เพราะประชาชนเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาลมาแล้ว ยังถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวอีก

6.ยุติการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเด็กและเยาวชนโดยทันที โดยต้องยอมรับและเคารพว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้ที่ประสบกับปัญหาเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ มีความคับแค้นจากการกดทับของโครงสร้างและมาตรการที่เอารัดเอาเปรียบที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และได้ใช้สิทธิอย่างชอบธรรมในการส่งเสียงเรียกร้องและชุมนุมดังที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายระหว่างประเทศ

ด้วยความเคารพต่อหลักการสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image