09.00 INDEX เกียรติภูมิ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ เอกภาพ ใน พลังประชารัฐ
ความขัดแย้งอันปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ”ภายใน” พรรคพลังประชารัฐนับแต่สถานการณ์การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน
แม้จะมีความพยายามเยียวยาและประสานอย่างเต็มเรี่ยวแรง แต่หากมิอาจจัดการได้โดยราบรื่นก็จะกลายเป็นผลเสีย
เป็นผลเสียไม่เพียงแต่ต่อตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากมีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่าอาจส่งผลเสียต่อแนวทาง และยุทธศาสตร์ใหญ่ในการสืบทอดอำนาจ
ประเด็นอยู่ที่ว่าหากกลไกทั้งระบบไม่สามารถรักษาอำนาจอยู่ ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนกับที่ดำรงอยู่ในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จะเป็นอย่างไร
แม้คำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่าจะขออยู่ในอำนาจต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ก็เกิดคำถามตามมาอย่างทันควัน
“อย่าว่าแต่ 5 ปี แม้เพียง 5 วินาทีก็ไม่ควรจะได้อยู่”
จึงมีความจำเป็นที่กลุ่มกุมกลไกอำนาจรัฐไม่ว่าในรัฐบาล ไม่ว่าในพรรคพลังประชารัฐจักต้องขบคิด ใคร่ครวญให้จงหนัก
ถามว่าอะไรคือปัจจัยที่จะให้คำตอบถึงสถานะทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นปัจจัยเหมือนที่เห็นเมื่อเดินทางไปเพชรบุรี เหมือนที่เห็นเมื่อเดือนทางไปนครศรีธรรมราช
หรือว่าเหมือนกับเมื่อเดินทางไปชัยภูมิ หรือว่าเหมือนกับเมื่อ เดินทางไปนนทบุรี
เรื่องทั้งหมดนี้แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตกอยู่ในสภาวะเคลิบเคลิ้มจากโครงสร้างที่จัดวางเอาไว้แล้วโดยกระทรวงมหาดไทย แต่นักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐย่อมมีคำตอบ
ปฏิกิริยาของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐซึ่งสะท้อนออกในห้วง แห่งญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ จึงสำคัญ
สำคัญกระทั่งยังคงกรุ่นอยู่แม้กระทั่งสภาพการณ์ในปัจจุบัน
นอกเหนือจากกัปปิยโวหารอันสื่อกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งดำรงอยู่เสมือนกับม่านควัน จึงต้องมองเข้าไปในความสัมพันธ์ภายในพรรคพลังประชารัฐ การดำรงอยู่ของแต่ละกลุ่มเป็น ”ตัวอย่าง” อันดีทางการเมือง
คำถามอยู่ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะประสานประโยชน์ในแต่ละกลุ่มได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นแคนดิเดตคนเดียวจริงหรือ