เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า พรรค ก.ก. เห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา และนายกรัฐมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วนั้น ยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ อย่างไร จึงต้องมาทำกันในกฎหมายลูก ซึ่งพรรค ก.ก. ก็มีร่างของตัวเองแล้ว แต่ยังอยู่ในกลั่นกรองให้เสร็จสิ้น ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมส.ส. พรรคอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปว่าเราจะเสนอวิธีการคำนวณอย่างไรในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) แล้วหารือเพื่อตกผลึกหารูปแบบที่สะท้อนเจตนารมณ์ของผู้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงให้มากที่สุด เมื่อยังมีการถกเถียงเรื่องระบบการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ อยู่ พรรคก.ก. ก็จะเสนอแนวทางที่เราคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม พรรคก.ก. ก็พร้อมสู้กับทุกระบบกติกาเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า ระบบที่เป็นประโยชน์ต่อเสียงผู้ออกมาใช้สิทธิ คือระบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMP ใช่หรือไม่ นายพิจารณ์ กล่าวว่า ระบบ MMP ในแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียด ดังนั้นระบบที่พรรค ก.ก. จะเสนอจึงไม่ใช่ระบบ MMP เสียทีเดียว แต่เราจะถอดแนวคิดของระบบ MMP มา
เมื่อถามว่า พรรคก.ก. จะเสนอแก้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประเด็นระบบไพรมารีโหวตหรือไม่ นายพิจารณ์ กล่าวว่า ประเด็นนี้พรรค ก.ก. จะเรียกประชุมกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ส่วนตัวคิดว่า ระบบไพรมารีโหวต มีเจตนาดี ที่ต้องการให้พรรคการเมือง กลายเป็นสถาบันพรรคการเมือง และเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคการเมือง แต่ปัญหาคือการพัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันทางการเมืองของแต่ละพรรคการเมือง ไม่ได้เริ่มต้นที่จุดสตาร์ทเดียวกัน เพราะบางพรรคเพิ่งจะก่อตั้งไม่นาน มีจำนวนสมาชิกไม่มาก เท่าพรรคการเมืองที่มีมานาน ดังนั้นการมาบังคับใช้กฎหมายให้ทุกพรรคทำเหมือนกันหมดจึงเป็นทำให้เกิดความยากง่ายในทางปฏิบัติไม่เหมือนกัน ตนจึงคิดว่า การบังคับแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ควรจะเป็นการส่งเสริมให้ทำมากกว่า เช่น การให้ กองทุนพัฒนาการเมือง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีงบให้พรรคกการเมืองนำไปสร้างพรรคให้เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่สมาชิกพรรค เพื่อให้พัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันการเมืองอย่างแท้จริง
