วิโรจน์ ซัด แถลงการณ์ประยุทธ์ กล้าดี อวดความสำเร็จระดับโลก ปกป้องชีวิตประชาชน

วิโรจน์ ซัด แถลงการณ์ประยุทธ์ กล้าดี อวดความสำเร็จระดับโลก ปกป้องชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นกรณีแถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว เริ่มวันที่ 1 พ.ย. โดย ระบุว่า

แถลงการณ์ประยุทธ์ สิ่งหนึ่งที่สรุปได้ คือ คนๆ นี้ไม่เคยสำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองกระทำ จากแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 64 ซึ่งมีใจความสำคัญ คือ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส จากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยไม่ต้องกักตัว และวันที่ 1 ธ.ค. จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาให้สถานบันเทิงเปิดบริการได้

ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงมาก เพราะแต่เดิม ในวันที่ 16 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำหนดเงื่อนไขในการเปิดประเทศเอาไว้ว่า จะต้องมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม แล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน แต่จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 64 มีประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปเพียง 35.46 ล้านคน หรือ 49.2% ยังไม่ถึงครึ่ง สำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 เข็มนั้น มีอยู่เพียง 23.8 ล้าน คน คิดเป็น 33% ของประชากรเท่านั้น และในจำนวนนี้ยังรวมประชากรที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม เข้าไปด้วย ซึ่ง ณ วันนี้ ระดับภูมิคุ้มกันน่าจะไม่อยู่ในระดับที่มีประสิทธิผลเพียงพอที่จะป้องกันเชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้อีกต่อไปแล้ว

เข้าใจดีว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ณ วันนี้ พังพินาศ ประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส จนไม่สามารถปิดเมืองต่อไปได้อีกแล้ว การเปิดประเทศ และเปิดรับการท่องเที่ยว ในสถานการณ์ที่อัตราการฉีดวัคซีนยังไม่ถึงครึ่ง และการแพร่ระบาดได้กระจายตัวไปยังต่างจังหวัดเช่นนี้ เข้าใจว่าเป็นภาวะจำยอมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เป็นการตัดสินใจที่เป็นการนำพาเอาชีวิตของประชาชนทั้งประเทศมาเสี่ยงอย่างมาก และเป็นความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากถึงขนาดนี้ หากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ มีการกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน และจัดเตรียมระบบการลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่ดีกว่านี้ มีการจัดเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนที่ติดเชื้อเข้าถึงยา และการรักษาได้อย่างทันท่วงที มีการจัดเตรียมระบบ Home Isolation และ Community Isolation ที่เพียงพอต่อการสกัดกั้นการระบาดของโรค

Advertisement

แถลงการณ์ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกคับแค้นที่สุด น่าจะเป็นประโยคที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ในโลก ที่ลงมือดำเนินการรับมือกับโควิด-19 อย่างรวดเร็ว และชัดเจนที่สุด … และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน”

ต้องถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ลืมแล้วหรือว่า ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ทั้งอัตราการติดเชื้อ และอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคนของประเทศไทย นั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก แซงทั้งสหรัฐอเมริกา และอินเดีย พล.อ.ประยุทธ์ลืมไปแล้วหรือว่า มีประชาชนต้องรอเตียงจนตายคาบ้าน หลายรายต้องตะเกียกตะกายมานอนตายกลางถนน หลายรายที่ติดเชื้อแล้ว ต้องรอตรวจ รอผลตรวจ จากที่มีอาการเพียงเล็กน้อย ก็ต้องกลายมาเป็นผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง กว่าจะเข้าถึงยา อาการก็หนัก จากที่มีโอกาสรอด ก็ต้องมาตาย หลายรายลูกต้องมาเป็นกำพร้า

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะพูดยกตัวเอง บนคราบน้ำตา และความสูญเสียของประชาชน สะท้อนอย่างชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยสำนึกในความผิดของตัวเอง ไม่เคยเห็นค่าของชีวิตคนเลย จนป่านนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงพูดแบบนี้ ก็คงจะมั่นใจได้แล้วว่าโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี คงยากจะเกินเยียวยาเต็มที

สิ่งที่อยากจะบอก พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ การเปิดประเทศในครั้งนี้ เป็นภาวะจำยอมที่เป็นการนำพาชีวิต และอนาคตของประชาชนทั้ง 67 ล้านคน ไปเสี่ยง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ในการเตรียมมาตรการต่างๆ รองรับ ให้พร้อมที่สุด ทั้งความครอบคลุมในการฉีดวัคซีน การเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ย่านเศรษฐกิจ และย่านท่องเที่ยว การวางระบบให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK ได้อย่างสะดวก ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด การเตรียมขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข ทั้งยา เวชภัณฑ์ และระบบในการดูแลผู้ป่วย ตลอดจนแผนสำรอง เพื่อรองรับการระบาดในระลอกถัดๆ ไป ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากคลัสเตอร์ใด หรือแม้แต่คลัสเตอร์แรงงานต่างชาติ ก็ตาม

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะพาประชาชนทั้งแผ่นดินไปเสี่ยง ก็ต้องวางแผนในการป้องกันความเสี่ยงให้ดีที่สุด อย่าได้พาประชาชนไปล้มตายเป็นผักปลาอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image