“กมธ.สธ.” แฉ หลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มแพทย์ทรงอิทธิพล ส่อ ผลประโยชน์ทับซ้อนบริษัทขาย ATK

“กมธ.สธ.” แฉ หลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มแพทย์ทรงอิทธิพล ส่อ ผลประโยชน์ทับซ้อนบริษัทขาย ATK พบเบิกค่ารักษา Home Isolation เกินจริง

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า ตนเห็นข่าวที่มีบางคนออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิต (ATK) ด้วยการด้อยค่าชุดตรวจบางยี่ห้อด้วยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ถือเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยสงสัยว่าเขามีจุดประสงค์เพียงแค่ได้แสงทางการเมืองหรือมีเจตนาอื่นแอบแฝงด้วย มีความสัมพันธ์กับกลุ่มขบวนการในกระทรวงสาธารณสุขที่กำลังสั่นคลอนเพราะถูกตรวจสอบหรือไม่

นพ.เอกภพ ระบุต่อว่า เรื่องปัญหาการจัดซื้อ ATK โดยองค์การเภสัชกรรมนั้น เป็นการจัดซื้อแทน สปสช. ซึ่งตนได้เคยพูดในสภาเรื่องความไม่ถูกต้องที่ สปสช. ทำตัวเป็นผู้ซื้อยาและเวชภัณฑ์แบบธุรกรรมอำพรางผ่านเครือข่ายราชวิถีไปแล้ว โดย สปสช. มีคณะกรรมการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่กำหนดราคาและต่อรองราคา โดยประธานคณะกรรมการชุดนี้เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่ามาจากกลุ่มแพทย์กลุ่มหนึ่งที่ทรงอิทธิพลในกระทรวงสาธารณสุขมายาวนาน เป็นกรรมการชุดที่กำหนดสเป็กและราคาให้กับองค์การเภสัชเป็นผู้จัดซื้อ

นพ.เอกภพ ระบุอีกว่า ตามข้อมูลที่มีการชี้แจงในกมธ.สาธารณสุขโดยองค์การเภสัชแจ้งว่า การเปิดซองครั้งแรกนั้นมีคำทักท้วงจากผู้แทนของ สปสช. ซึ่งมาจากกลุ่มแพทย์กลุ่มนั้นว่า มีบริษัทหนึ่งที่มีผลิตภัณฑ์ที่ดีมีศักยภาพ ไม่ได้มาร่วมประกวดราคาด้วยจึงขอให้ยกเลิกการเปิดซองครั้งนี้ นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่มัดตัวว่าคนกลุ่มนี้อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบางบริษัท และกมธ.สาธารณสุขยังสืบทราบว่า การที่มีแพทย์กลุ่มหนึ่งใช้การอนุมัติของราชการเข้ามาทำการตรวจเชิงรุกในเขตกรุงเทพฯ นั้น ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างชุดตรวจผ่านทางโรงพยาบาลหลายแห่งในเครือข่าย ซึ่งทางกมธ.ได้เรียกขอเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างและยี่ห้อที่ทำการจัดซื้อมาใช้ แต่ยังไม่ได้รับเอกสารมาจากโรงพยาบาลเหล่านั้น

Advertisement

นพ.เอกภพ ระบุต่อว่า รวมทั้งเมื่อตรวจแล้วได้ผู้ป่วยที่มีผลตรวจเป็นบวก กลับไม่มีการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม และอาจมีการเบิกจ่ายค่ารักษาแบบ Home Isolation เกินจริง โดยหนึ่งในนั้นคือโรงพยาบาลที่ จ.นครศรีธรรมราช ในจุดนี้จึงเป็นที่มาของข้อสงสัยว่า ทำไมการรายงานว่าชุดตรวจที่จัดซื้อโดยองค์การเภสัชมีผลลบลวงถึงกว่า 1 ใน 3 เป็นรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราช จนทำให้นักการเมืองบางคนนำไปขยายต่อ ทั้งที่เรายังไม่เห็นผลการศึกษาฉบับเต็ม ยังไม่รู้วิธีการเลือกตัวอย่าง ยังไม่รู้ว่าคนที่มีผลลบลวงนั้นเป็นเพราะตรวจวันที่เท่าไหร่หลังการสัมผัสเชื้อ ที่ทำ RT-PCR ซ้ำนั้นทำพร้อมกับการตรวจ ATK หรือไม่ และสุดท้ายคือใช้ค่า Ct ที่เท่าไหร่สำหรับการตรวจ รวมคนที่เป็นซากเชื้อหรือไม่ และเรื่องการอ้างอิงต่างประเทศ ตนก็ไม่เห็นเอกสารอ้างอิงใดๆ แต่เท่าที่ตนเห็นก็ดูเหมือนว่าชุดตรวจที่พยายามโจมตีว่าไม่มีมาตรฐานนั้นก็ยังอยู่ในลิสต์ของสหภาพยุโรปอยู่

“ในฐานะเป็นหนึ่งในกมธ.สาธารณสุข ที่ได้มีการทำหนังสือโดยประธานกมธ.ถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว เพราะถือว่าเป็นการหากินบนความเป็นความตายของคนไทย ไม่ว่าจะหากินเพราะผลประโยชน์ทางการเงินหรือชื่อเสียงก็ตาม ผมจะตามเรื่องนี้ต่อให้ถึงที่สุด” นพ.เอกภพ ระบุ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image