อดีตอสส. แจงเหตุ ไม่ยื่นฎีกา พล.อ.ธรรมรักษ์ คดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด(อสส.) กล่าวถึงกรณีอัยการไม่ยื่นฎีกา ในส่วนของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) และ อดีตรมว.กลาโหม ในคดีว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งภายหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ในส่วนของพล.อ.ธรรมรักษ์ ว่า เนื่องจากคดีนี้ มีจำเลยที่ 3 และ4 มาเบิกความต่อศาลว่า ที่จำเลยเบิกความในชั้น ป.ป.ช.ว่า ได้รับการว่าจ้างจากพล.อ.ธรรมรักษ์ นั้น เป็นเพราะถูกข่มขู่ และเป็นคำให้การเท็จ แต่กลับไปเบิกความในชั้นศาลตรงข้ามกับการให้การในชั้น ป.ป.ช. ว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้เงินว่าจ้างให้ลงสมัครเลือกตั้งแต่อย่างใด ภายหลังศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อัยการเจ้าของสำนวน จึงมีความเห็นว่า ไม่สมควรยื่นฎีกาพล.อ.ธรรมรักษ์ในคดีนี้ แล้วเสนอความเห็นนี้ ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนมาถึงตน เป็น อสส. (ขณะนั้น) จึงมีความเห็นว่า ไม่มีเหตุต้องฎีกาในส่วนของพล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้อง ทั้งนี้การทำความเห็นของพนักงานอัยการเป็นความเห็นถูกต้องตามลำดับชั้นตั้งแต่อัยการเจ้าของสำนวนจนมาถึงตน

“ผมให้ความเห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 สนับสนุนให้จำเลยที่ 2 กระทำผิด คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 และ 4 ในชั้น ป.ป.ช. ต่อมาในชั้นศาล จำเลยที่3และ4ไม่ได้ให้การว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดในชั้นศาล เลยมีความเห็นว่าการที่ศาลอุทธรณ์มีความเห็นยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ไม่มีเหตุต้องฎีกา” อดีต อสส.กล่าว

อดีตอสส. กล่าวถึงกรณีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญในขณะนั้น มีคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทย(ทรท.) มีมูลเหตุมาจากคดีจ้างพรรคเล็กว่า ศาลแต่ละศาลจะมีอำนาจเฉพาะของแต่ละศาล อยู่เเล้ว การที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ตนเป็นผู้ว่าความฟ้องคดีนี้เอง ตอนที่เราฟ้องเราได้อ้างเหตุหลายเรื่องนอกจากในส่วนของคดีอาญา พยานหลักฐานที่ปรากฏในตอนนั้นย่อมแตกต่างกัน ตอนที่ฟ้องยุบพรรคมีข้อเท็จจริงหลายสาเหตุ และข้อเท็จจริงในตอนนั้นกับภายหลังไม่เหมือนกัน ทั้งศาลยุติธรรม และศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีคำพิพากษาในข้อเท็จจริงและกฎหมายตามแต่ละภาวะ