‘พิเชษฐ’ ตามรอยไพบูลย์ ยุบพรรคตัวเองเข้า พปชร. รับกติกาเปลี่ยน ต้องปรับแผนลงเขต

“พิเชษฐ” เผย หาก “ประชาธรรมไทย” สิ้นสภาพ จ่อย้ายซบ “พปชร.” ทันที เชื่อพรรคเล็กเปลี่ยนแผนลงสมัครแบบเขตแทน เหตุมีโอกาสได้เก้าอี้มากกว่าปาร์ตี้ลิสต์

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ จากกรณีเลิกพรรคประชาชนปฏิรูป ว่า ส่วนตัวรู้สึกสบายใจกับคำวินิจฉัยดังกล่าว แต่โดยหลักการพรรคของตนนั้น แตกต่างจากกรณีของนายไพบูลย์ ซึ่งพรรคประชาธรรมไทย ได้มีมติขอเลิกพรรคเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคหลายคนลาออก ทั้งเลขาธิการพรรค นายทะเบียนพรรค จึงถือโอกาสเลิกพรรค ประกอบกับมีประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนมาใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ จึงทำให้การดำเนินการทางการเมืองค่อนข้างลำบาก ส่วนนโยบายของพรรคที่เคยร่างไว้ก็ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เพราะมี ส.ส.เพียง 1 คน หากไปรวมกับพรรคขนาดใหญ่ และนำนโยบายของพรรคเรา ทั้งเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายในการดูแลพี่น้องมุสลิมการสานสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียไปขับเคลื่อนก็จะเป็นประโยชน์และตรงกับเจตนารมณ์

นายพิเชษฐกล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบการเลิกพรรคประชาธรรมไทย จะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาประมาณวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ หากเป็นทางการเมื่อใดตนก็จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทันที และขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ในนามพรรคพลังประชารัฐ อย่างไรก็ตาม พรรคเล็กแต่ละพรรคต่างมีแนวทางของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ ขั้นต่ำของบัญชีรายชื่อ หากคิด 1% ประชากร 35 ล้านคน คะแนนขั้นต่ำจะต้องได้ 3.5 แสนคะแนน มันก็จะเหนื่อยและลำบาก เพราะจะไม่ใช่ได้ 6-7 หมื่นคะแนนแล้วจะได้ ส.ส. 1 คน ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อรัฐธรรมนูญมีแนวทางเป็นแบบนี้ เท่าที่ทราบก็มีพรรคเล็กหลายพรรคจะเปลี่ยนแผนไปลงเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแทน เพราะโอกาสที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จะมากกว่าลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งต้องใช้คะแนน 3.5 แสนคะแนน

“เท่าที่ผมทราบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประสานกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็บอกว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราไม่ทิ้งกัน เราเคยร่วมกัน 11 พรรคจัดตั้งรัฐบาลกันมา ถ้าจะทำต่ออะไรสนับสนุนได้ก็จะทำ และถ้าทำต่อและพร้อมมาอยู่ด้วยกันก็ยินดีต้อนรับ มาขับเคลื่อนนโยบายด้วยกัน ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image