‘บิ๊กตู่’ หวั่นต่างชาติเลือกไปเที่ยวประเทศอื่น เปิดรับ 46 ชาติเสี่ยงต่ำเข้าไทย 1 พ.ย. นี้

‘บิ๊กตู่’ หวั่นต่างชาติเลือกไปเที่ยวประเทศอื่น เปิดรับ 46 ชาติเสี่ยงต่ำเข้าไทย 1 พ.ย. นี้

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเตรียมตัวเปิดประเทศ ว่า หลังจากที่ได้ประกาศแผนยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย จะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศโดยทางอากาศ และเดินทางมาจากประเทศที่เราจัดว่าเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เราจะเห็นได้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเราประกาศออกไป ประเทศอื่นๆ เช่น อเมริกา และประเทศในภูมิภาคของเรา ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย (บาหลี) ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ต่างก็กำลังทำเช่นเดียวกัน รวมทั้งมีการผ่อนคลายมาตรการข้อบังคับต่างๆ และนอกจากนั้น หลายๆ ประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวของประเทศไทย ก็เพิ่งประกาศผ่อนคลายให้ประชาชนของประเทศเค้าเดินทางออกนอกประเทศได้ง่ายขึ้น

“เมื่อเราเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนเป็นแบบนี้แล้ว จากที่ในเบื้องต้นตัดสินใจว่า เราจะพิจารณาประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อจะให้เดินทางเข้าไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว อยู่ที่ประมาณ 10 ประเทศ แล้วจึงจะค่อยๆ เพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น ตอนนี้ ผมคิดว่า ในสถานการณ์ใหม่ ถ้าเราต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยให้มากเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่เดือดร้อนกันอย่างมากมานาน เราจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าเร็วกว่านั้น และทำตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการที่จะรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบก่อนนั้น จะทำให้เราช้าเกินไป”

“อีกทั้งนักท่องเที่ยวอาจจะตัดสินใจเลือกเดินทางไปประเทศอื่นไปก่อน ดังนั้นหลังจากได้ปรึกษาหารือกับหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ผมดีใจที่วันนี้ จะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า เราจะเพิ่มจำนวนรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรก ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว เป็น 46 ประเทศ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ และมีหลักฐานปลอดเชื้อโควิด โดยมีการตรวจก่อนออกเดินทาง และตรวจเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ทุกประเทศดังกล่าวคงต้องพิจารณาความเสี่ยงของประเทศไทยด้วยเช่นกัน”

“ก่อนที่จะอนุญาตให้คนของประเทศเขาเดินทางมาประเทศไทยได้ ผมขอขอบคุณกระทรวง และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำภารกิจที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ พยายามแก้ไขและจัดการ กฏระเบียบ ขั้นตอน และกระบวนการต่างๆ มากมายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งผมรู้ว่า ทุกคนทุกฝ่ายพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาทำมาหากินกันได้อีกครั้ง โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องเร่งเครื่องเตรียมความพร้อม และได้ขอให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งเครื่องเรื่องการฉีดวัคซีนให้เร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าเราจะติดอันดับอยู่ในกลุ่มประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลกอยู่แล้วก็ตามเรารู้ดีว่า การเร่งเดินหน้าอย่างรวดเร็วนี้ ย่อมมีความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่เราต้องยอมรับ

ผมคิดว่าตอนนี้ ประเทศไทยเอง รวมถึงประเทศอื่นๆ ในโลก ต่างก็มีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงของโควิด-19 ได้ดีขึ้น และเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ได้เราทุกคนมีบทบาทสำคัญในการช่วยกันลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด ด้วยการการ์ดไม่ตก ผมขอให้ทุกคนยังคงรักษามาตรการทางสาธารณสุข มีวินัยในการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้เก็บเกี่ยวเรื่องดีๆ เล็กๆ น้อยๆ จากช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปีนี้กันได้บ้าง

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความว่าหลังจากที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย และเราเตรียมความพร้อมในการเปิดเมือง เปิดประเทศ ผมจึงมีความตั้งใจว่าจะจัดสรรเวลาลงพื้นที่เยี่ยมเยือนประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่ประสบภัย หรือทุกพื้นที่ที่มีปัญหา เพื่อจะได้เห็นด้วยตา รับฟังข้อเท็จจริงโดยตรง รวมทั้งติดตามการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และขจัดอุปสรรคให้กับข้าราชการระดับปฏิบัติด้วย ซึ่งจะช่วยให้การบริหารราชการแผ่นดินมีความสมบูรณ์ เติมเต็มการขับเคลื่อนจากส่วนกลาง

Advertisement

“ในการลงพื้นที่ของผมทุกครั้ง มาจากความตั้งใจอย่างเดียวของผมคือการได้ไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชน การได้พูดคุย รับฟังความคิดเห็น เห็นสภาพปัญหา ข้อร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ที่มีความเดือดเนื้อร้อนใจ ยิ่งเป็นแรงผลักดันที่เตือนใจตลอดเวลาว่าต้องพยายามให้มากขึ้น ทุ่มเทให้มากขึ้น และทำให้ดีขึ้นในทุกๆ วันที่ยังอยู่ในตำแหน่งนี้ ผมยอมรับว่าปัญหาและอุปสรรคในประเทศของเราที่ยังต้องแก้ไขนั้น มีมาก แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่เกิดและโตขึ้นมาในประเทศแห่งนี้ ผมได้เห็นประเทศที่รักของเราผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง ด้วยแรงกายแรงใจ และความกล้าหาญของบรรพบุรุษ เช่นเดียวกับวีรชนเมืองสิงห์ที่ผมได้มาเยือน ผมจึงเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเราชาวไทย เป็นชนชาตินักสู้หากเพียงแต่เราคนไทยทุกคน รวมพลังแห่งศรัทธา พลังแห่งความสร้างสรรค์จากทุกภาคส่วน ที่จะช่วยประสานเติมเต็มซึ่งกันและกัน เราสามารถที่จะแข่งขันกับทุกชาติในโลก ได้อย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image