‘บิ๊กตู่’ เซ็น 17 จังหวัด นำร่องท่องเที่ยว เลิกเคอร์ฟิว-เปิด ’45 ปท.-ฮ่องกง’ เข้า

‘บิ๊กตู่’ เซ็น 17 จังหวัด นำร่องท่องเที่ยว เลิกเคอร์ฟิว-เปิด ’45 ปท.-ฮ่องกง’ เข้า

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามและประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ฉบับที่ 36 มีรายละเอียดดังนี้ ข้อกำหนดตามมาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 36 สืบเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น รัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นฟื้นฟูประเทศ เบื้องต้นจึงให้มีการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากขึ้น ควบคู่กับมาตรการด้านสาสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ ข้อ

1.การกำหนดเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือ Sandbox โดยการกำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเป็นไปตามคำสั่ง ศบค. อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์

2.การกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้สถานที่ กิจการ หรือการดำเนินกิจกรรมในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร หรือ Covid Free Setting รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่ผู้รับผิดชอบแต่ละพื้นที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ

3.ยกเลิกการออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) เดิมเคยกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม 2564

Advertisement

4.การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการร่วมกลุ่มกันของบุคคลที่มีการร่วมกลุ่มกันมากกว่า 500 คน ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว

5.การเตรียมความพร้อมของสถานบริการ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ในระยะเริ่มแรกของพื้นที่สีฟ้า สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ แม้จะอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวแต่ยังคงให้ปิดบริการ อย่างไรก็ตาม ขอให้เตรียมความพร้อมเพื่อการผ่อนคลายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

6.การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ยังมีการกำหนดมาตรการเพิ่มในแต่ละจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สามารถพิจารณาเพิ่มเติม และสามารถสั่งปิด หรือดำเนินกิจการ กิจกรรมได้ กรณีที่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่นั้นๆ เพิ่มขึ้น

Advertisement

7.กำหนดผู้เดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มเติมเพื่อเอื้อต่อการเติมทางที่มาจากประเทศต้นทางที่ได้รับการประเมินตามที่สาธารณสุขกำหนด

8.มาตรการป้องกันโรคต่อผู้เดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาต เช่น มาจากประเทศที่ได้รับอนุญาต หรือมีหนังสือรับรองหลักฐานการลงทะเบียนที่ชัดเจน มีการตรวจยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 มีหลักฐานยืนยันการฉีดวัคซีนครบ มีหลักฐานการชำระค่าที่พัก ร่วมทั้งมีหลักฐานยืนยันว่ามีกรมธรรม์ประกันภัย และประกันสุขภาพติดตัวมาด้วย

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ส่วนข้อกำหนดการเดินทางเข้าประเทศไทยมีดังนี้ การเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องมีการกักตัว จะมี 45 ประเทศ บวก 1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีข้อจำกัดว่าผู้ที่เดินทางจะต้องพำนักในประเทศนั้นๆ ที่กำหนดต่อเนื่องอย่างน้อย 21 วันก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย ยกเว้นผู้ที่เพิ่งเดินทางออกจากประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศที่เดินทางไป 21 วันสำหรับคนไทยหรือคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย

สำหรับกลุ่มแรกที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว มีดังนี้ ออสเตรเลีย ออสเตรีย บาห์เรน เบลเยียม ภูฏาน บรูไนดารุสซาลาม บัลแกเรีย กัมพูชา แคนาดา ชิลี จีน ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิสราเอล อิตาลี ญี่ปุ่น ลัตเวีย ลิทัวเนีย มาเลเซีย มอลตา เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ สโลวีเนีย สาธารณรัฐเกาหลี สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง

ผู้จะเดินทางเข้ามาต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม อย่างน้อยต้องฉีดเข็ม 2 แล้ว 14 วันก่อนวันเดินทาง และต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง มีประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 เหรียญสหรัฐ เมื่อมาถึงต้องได้รับการตรวจด้วย RT-PCR ทันที การเข้าพักโรงแรม หรือสถานที่ที่ราชการกำหนด เมื่อครบ 1 คืน มีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ กลุ่มนี้จะสามารถไปพื้นที่อื่นได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นทันทีที่มาถึง และจะต้องติดตามได้ว่าเดินทางไปที่ใด กรณีคนไทยและต่างชาติที่อยู่ในไทยเดินทางมาจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกันสุขภาพ 50,000 เหรียญสหรัฐ โดยอนุญาตเฉพาะการเดินทางทางอากาศเท่านั้น มีการระบุท่าอากาศยานคือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย อู่ตะเภา และบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการเช่าเหมาลำเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้ลงนาม คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 18/2564 กำหนดบัญชีรายชื่อจังหวัดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวม

ทั้งสิ้น 17 จังหวัด ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 2.จังหวัดกระบี่ 3.จังหวัดชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง และอำเภอสัตหีบเฉพาะตำบลนาจอมเทียนและตำบลบางเสร่) 4.จังหวัดเชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่ริม และอำเภอแม่แตง) 5.จังหวัดตราด (เฉพาะอำเภอเกาะช้าง) 6.จังหวัดบุรีรัมย์ (เฉพาะอำเภอเมืองบุรีรัมย์) 7.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะตำบลหัวหินและตำบลหนองแก) 8.จังหวัดพังงา 9.จังหวัดเพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ) 10.จังหวัดภูเก็ต 11.จังหวัดระนอง (เฉพาะเกาะพยาม) 12.จังหวัดระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด) 13.จังหวัดเลย (เฉพาะอำเภอเชียงคาน) 14.จังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) 15.จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) 16.จังหวัดหนองคาย (เฉพาะอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอสังคม อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอท่าบ่อ) 17.จังหวัดอุดรธานี (เฉพาะอำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอบ้านดุง อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายูง อำเภอหนองหาน และอำเภอประจักษ์ศิลปาคม)

นอกจากนี้ ราชกิจจานุเบกษายังเผยแพร่ประกาศการยกเลิกห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image