ทะลุฟ้า-แนวร่วม ‘สาดสีหน้าศาล’ จวกรัฐยัดข้อหา เห็น ปชช.เป็นศัตรู

ทะลุฟ้า-แนวร่วม ‘สาดสีหน้าศาล’ จวกรัฐยัดข้อหา เห็น ปชช.เป็นศัตรู ‘ครูใหญ่’ เผย เลื่อนสอบพยาน ‘อัยการติดโควิด’ ยกคณะ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ กลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรม “ส่งเสียงถึงศาล คืนกระบวนการยุติธรรม” เนื่องจากวันนี้มีนัดไต่สวนการสอบพยาน คดีอ่านประกาศหน้าสถานฑูตเยอรมัน ที่มีผู้ต้องหาทั้งหมด 13 คน ซึ่งรวมถึง น.ส.เบนจา อะปัญ ที่ถูกถอนประกันคดี ม.112 ไปก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรอบมีการติดป้ายผ้ากับรถกระบะของกลุ่ม ข้อความว่า “ปล่อยเพื่อนเรา”

Advertisement

เวลา 10.00 น. มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG ) ,Freeyouth, Supporter Thailand, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา หรือ แอมป์ และ “โจเซฟ” ผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่กรีดแขน เรียกร้องสิทธิการประกันตัวแกนนำราษฎร

โดยผู้ทำกิจกรรม 6 คน นั่งอยู่ที่พื้นบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ถูกชายสวมหน้ากากและสวมผ้าคลุมสีดำสาดสีแดงใส่ จากนั้นผู้ที่ถูกสาดสี ได้ละเลงสีแดงลงที่พื้น โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งร่วมรอลุ้นผลว่า น.ส.เบนจาจะถูกนำตัวมาขึ้นศาลตามกำหนดการหรือไม่ และคดีจะถูกตัดสินอย่างไร

จากนั้น มีการสลับกันขึ้นปราศรัยของสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า โดย “มายด์” ทะลุฟ้า กล่าวถึงกระบวนการพิจารณาคดี ของนักกิจกรรมทางการเมืองว่า ไม่ถูกต้อง โดยยกตัวอย่างกรณีของนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส. ที่ถูกตัดสินแล้วว่าผิด แต่กลับได้รับสิทธิการประกันตัว แต่เหตุใดเพื่อนของตน ที่มีสถานะเป็นเพียงจำเลย จึงไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว

Advertisement

“เพื่อนเราไม่ได้ผิด เพราะเพื่อนเราออกมาเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ของความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ประยุทธ์รับไม่ได้ ถ้ารับไม่ได้ก็ปฏิรูปตัวเอง สิ่งที่เพื่อนเราออกมาเรียกร้อง เป็นสิทธิที่ต้องได้รับอยู่แล้ว มันไม่ใช่การที่คุณจะมายัดเยียดข้อกฎหมาย ข้อกล่าวหาให้เพื่อนของเรา” มายด์กล่าว

ด้าน “หมวยเล็ก ทะลุฟ้า” กล่าวปราศรัยถึงเรื่อง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เพื่อไม่ให้เกิดการป่าเถื่อน

“แต่ตอนนี้มันป่าเถื่อน และประเทศไทยก็เป็นใน 48 ประเทศที่ได้เข้าร่วมการสนับสนุนโครงการนี้ แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมรัฐถึงริดรอนสิทธิเสรีภาพของพวกเรา ปฏิญญาสากลมีความสำคัญกับพวกเรา คือมนุษย์ทั้งหลายมีอิสระเสรีและเท่าเทียมกัน และควรปฏิบัติต่อกันอย่างฉันท์พี่น้อง แต่วันนี้มันไม่ใช่พี่น้อง พี่น้องที่ไหนทำกันแบบนี้ คุณกำลังเห็นเราเป็นศัตรู คุณกำลังเห็นประชาชนเป็นศัตรู รัฐบาลได้ยัดข้อหาให้ประชาชน” หมวยเล็ก กล่าว

จากนั้น “ไอซ์ ทะลุฟ้า” ขึ้นปราศรัยเกี่ยวกับกรณีของ นายวนวพล ต้นงาม หรือ ไดโน่ ทะลุฟ้า ที่ถูกดำเนินคดีจากการสาดสี หน้า สน.ทุ่งสองห้อง และขณะนี้ยังถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมกับนักกิจกรรมทางการเมืองอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว

“ไอซ์” กล่าวว่า ตามหลักรัฐธรรมนูญ การที่บุคคลใด ที่ศาลยังตัดสินไม่สำเร็จ บุคคลนั้นถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
“เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของการออกมาชุมนุมเรียกร้อง แต่เพื่อนเรากลับถูกริดรอนสิทธิ เรายังยืนยันว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เพื่อนเราออกมาชุมนุมเรียกร้อง แต่รัฐบาลกลับใช้กฎหมายมาคุกคามเรา” ไอซ์กล่าว ก่อนอ่านบทกวีของปฐพี กวีดิน

บรรยากาศเวลา 11.00 น. “ได๋” ทะลุฟ้า กล่าวถึงการคุกคามประชาชนของภาครัฐ การใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมในประเทศ ในการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปีนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภาครัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระสุนยาง รถน้ำแรงดันสูง สิ่งที่ทำเป็นการดูถูกสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และผิดต่อหลักสากล

“เคยละอายใจบ้างไหม เวลาเดินไปที่โรงพักแล้วเห็นป้ายหน้าโรงพัก ‘เพื่อใช้ประชาชน’ แต่สิ่งที่เขาทำนั้นกำลังรับใช้ทรราชตนใด คำว่า ‘นายสั่งมา’ ท่านเลือกที่จะฟัง เลือกที่จะรับ ท่านเลือกที่จะปฏิเสธได้ แต่ไม่เลือก เพราะเกรงกลัวต่ออำนาจรัฐ และเห็นแก่อำนาจ มากกว่าประชาชน” ได๋กล่าว

เวลาประมาณ 12.10 น. นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูนทะลุฟ้า อ่านบทกวี ของอานนท์ นำภา ตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมที่ต้องอยู่เคียงข้างประชาชน พร้อมกล่าวถึงรัฐบาลว่าใช้กฎหมายปิดปากประชาชน มีการใช้กฎหมายลูก กฎหมายต่างๆ มากมายเพื่อจำกัดสิทธิการชุมนุมและการแสดงออกทางการเมือง ก่อนกล่าวชวนร่วมจับตากระบวนการยุติธรรม

“ขอให้นั่งตรงนี้ อย่าไปไหน รอเพื่อนกลับบ้านพร้อมกัน ขอให้กำลังใจ โอบกอดกันด้วยความจริงใจและอบอุ่น เพราะพวกเขาคือนักสู้ แม้โดนกล่าวหาก็ไม่เป็นไร เพราะวันหนึ่งประวัติศาสตร์จะจารึกว่า คนเหล่านี้ คือคนที่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้านผู้กดขี่ ตราบใดที่เรายืนเคียงข้างกัน คนมากน้อยเรายังสู้ ตราบใดที่เรายังไม่หยุดสู้ เท่ากับเราไม่แพ้ ขอให้ทุกท่านยังยึดมั่นในสิทธิเสรีภาพ ผมไม่มีสิทธิบังคับพวกท่านให้ออกมาสู้ แต่ถ้าท่านยังสู้อยู่ ผมก็ยังจะสู้อยู่เช่นกัน แล้วประชาชนจะนำชัย” นายธนพัฒน์กล่าว

เวลา 11.25 น. นายเจษฎาภรณ์ โพธิ์เพชร หรือบอมเบย์ กลุ่มราษฎรเอ้ย กล่าวตอนหนึ่งว่า ทำไมต้องเอาเพื่อนเราไปขัง เพื่อนเรายังไม่ถูกตัดสิน แต่ถูกพรากสิทธิเสรีภาพ เป็นเพราอะไร ทำไมจึงไม่ให้สิทธิการประกันตัวให้เขาออกมาต่อสู้คดีข้างนอก เพื่อนเราเพียงต้องการทำให้ประเทศพัฒนา ไม่ใช่กำลังพัฒนาอยู่ร่ำไป ขอให้มีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

จากนั้น เวลา 11.32 น. “ตะวัน” นักกิจกรรมหญิง กล่าวว่า เพื่อนเราถูกจับเข้าไปในเรือนจำ กระบวนการน่าสิ้นหวัง เพื่อนเราถูกตีตราว่ากระทำผิด กฎหมายเสื่อมลงเพราะถูกทำให้ผิดรัฐธรรมนูญ

“ปีที่แล้วเราออกมาเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา วันนี้เราต้องมาเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเราอีก ความรู้สึกท้อ เหนื่อย ผิดหวัง ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ตราบใดที่เรายังยืนยันจะก้าวต่อไป แม้จะเจอกับอุปผสรรค แม้ว่าหนทางริบหรี่ แต่เราจะผ่านไปด้วยกัน และทุกครั้งที่เราท้อ คือทุกครั้งที่เราจลุกขึ้นมาใหม่ และแข็งแกร่งกว่าเดิม โปรดจงรู้ไว้เถิดว่า ประชาชนออกมาตรงนี้ มาเรียกร้องความยุติธรรม อย่าเลือกที่รักมักที่ชัง ทำตามที่ได้ร่ำเรียนมา รับใช้ประชาชนให้คุ้มภาษีรัฐ” ตะวันกล่าว

ก่อนผู้ร่วมกิจกรรม ร่วมชู 3 นิ้ว เปล่งเสียง “ปล่อยเพื่อนเรา” 3 ครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัยมีผู้ที่สัญจรผ่านหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ร่วมบีบแตรส่งกำลังใจเป็นระยะ บรรยากาศเวลา 11.45 น. ยังอยู่ระหว่างรอการสืบพยานและหลักฐาน กลุ่มทะลุฟ้าจึงพักกิจกรรม นั่งรับประทานอาหาร โดยมีนายโชคดี ร่มพฤกษ์ หรือ อาเล็ก ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร ร่วมขับกล่อมบทเพลง มีนางวรวรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า ร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย

จากนั้น เวลา 12.20 น. นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ พรรคก้าวล่วง กล่าวว่า วันนี้เรามาที่นี่เพื่อนัดสอบพยานหลักฐาน และมีเหตุให้ต้องเลื่อน ซึ่งจะมีการไปนัดพร้อมใหม่ในวันที่ 17 ธันวาคม สาเหตุที่เลื่อน เพราะอัยการติดโควิด-19 ทั้งคณะทำให้วันนี้ไม่สามารถเบิกตัวอัยการได้ และมีการแจ้งความประสงค์ที่จะตรวจพยานหลักฐานด้วยตัวเอง ดังนั้น ต้องรอมีการเบิกตัวเบนจา ซึ่งไม่ใช่การวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ต้องเอาตัวเบนจามาในวันที่ 17 ธันวาคม

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image