‘กมธ.ปราบโกง’ ลุยขุดคดี ‘ไวพจน์’ ล้มประชุมอาเซียนซัมมิท สอบต่อ หลัง 2 ปีผ่านคดียังเงียบ

‘กมธ.ปราบโกง’ ลุยขุดคดี ‘ไวพจน์’ ล้มประชุมอาเซียนซัมมิท สอบต่อ หลัง 2 ปีผ่านคดียังเงียบ งงจัด! หมายจับระบุสัญชาติ “ตรินิแดดและโตเบโก”

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 28 ตุลาคม นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุม กมธ. กรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน และนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ นักกิจกรรมทางการเมือง ขอให้ตรวจสอบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ที่ไม่ดำเนินการจับกุม พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตามหมายจับของศาล ว่า สืบเนื่องจากวันที่ 3 ธันวาคม 2562 เป็นช่วงที่รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ และพ.ต.ท.ไวพจน์ได้ถูกออกหมายจับ แต่วันที่ 4 ธันวาคม 2562 ได้มาลงชื่อเข้าประชุมสภาฯ ในช่วงเช้าและมีภาพปรากฏตามสื่อ ทั้งนี้ ไม่ทราบเวลาที่ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ออกจากสภาฯ เมื่อไหร่ ซึ่งตามบันทึกของเจ้าหน้าที่ระบุเวลาประมาณ 15.26 น. โดยไม่มีการจับกุม

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ทางกมธ.ได้เชิญว่าที่เรือตรียุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัย สภาผู้แทนราษฎร เข้ามาให้ข้อเท็จจริง ซึ่งความคืบหน้าจากการประชุมกมธ.หลายครั้งสรุปว่า วันที่ 4 ธันวาคม 2562 พ.ต.ท.ไวพจน์เข้ามาในที่ประชุมสภาฯ จริง และไม่ปรากฏว่ามีหมายจับมาส่งที่สภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งสภาฯ ไม่ได้ติดต่อไปที่ศาลและสน.บางโพว่ามีการออกหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ หรือไม่ ซึ่งตามระเบียบของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ในด้านการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาฯ เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือต้องจับกุมผู้ที่กระทำผิด ทั้งนี้ ในการสอบข้อเท็จจริงมีการโต้แย้ง คือ ฝ่ายเจ้าหน้าที่สภาฯ ยืนยันว่ายังไม่มีหมายจับมา จึงไม่สามารถจับกุมได้ ขณะที่ฝ่ายตำรวจยืนยันว่ายังไม่มีหมายจับส่งมายังตำรวจ

Advertisement

นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า ในทางการเมือง คนที่เป็นประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ตามหลักข้อบังคับการประชุมสภาฯ จะต้องเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ในเนื้อแท้ของคนดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ สังกัดอยู่ฝ่ายรัฐบาล และพ.ต.ท.ไวพจน์ ก็เป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเช่นกัน อีกทั้งการประชุมในช่วงเสียงปริ่มน้ำมีผลในการลงมติ ประเด็นต่อมาที่จะต้องสอบข้อเท็จจริงคือ ในช่วงเช้าวันที่ 3-4 ธันวาคม ก่อนถึงเวลา 15.00 น.เศษ ยังไม่ปรากฏว่าทางสภาฯ ได้มีการเตรียมการอะไรบ้าง ไม่มีการเตรียมตัวว่าจะให้เข้ามาในสภาฯ หรือไม่ การทำหน้าที่ตรงนี้ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ และการที่ในช่วงหลังจาก 16.00 น.-17.00 น. ถึงค่อยมาสอบถามว่ามีหมายจับหรือไม่ กรณีเช่นนี้ถือเป็นการละเว้นที่จะดำเนินการหรือไม่ คนที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เรากำลังสอบข้อเท็จจริง และคงจะต้องขอเอกสารทุกอย่าง ไม่ว่าจะการลงชื่อของ พ.ต.ท.ไวพจน์ การสแกนบัตรประจำตัวสมาชิกเพื่อบันทึกเวลาก่อนเข้าห้องประชุม รวมถึงการเสียบบัตรแสดงตนในห้องประชุมก่อนการลงมติว่ามีการลงมติอย่างไรบ้าง ซึ่งเบื้องต้นจากการให้ข้อมูลด้วยวาจาบอกว่าไม่มีการลงมติ รถของ พ.ต.ท.ไวพจน์ หมายเลขทะเบียนอะไร เข้าเมื่อไหร่และออกจากสภาฯ เมื่อไหร่ ซึ่งจะสอดคล้องว่าในการพยายามทำหน้าที่จับกุม ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล มีจริงหรือไม่

“พ.ต.ท.ไวพจน์ ซึ่งเป็นส.ส.รัฐบาล มีเจตนาหลบหนีก่อนหน้านั้นหรือไม่ และเข้ามาสภาฯ ในวันที่ 4 ธันวาคม 2562 เพราะอะไร จากข้อมูลหมายจับที่ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ มีสัญชาติตรินิแดดและโตเบโก ไม่ใช่สัญชาติไทย ซึ่งต้องมีข้อร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ตรวจสอบว่าได้มีการปรับการจับกุม พ.ต.ท.ไวพจน์ อย่างไร มีการประสานตรินิแดดและโตเบโกหรือไม่อย่างไร มีการออกหมายแดงหรือไม่อย่างไร เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อ เพราะข้อมูลนี้ออกมาก่อนวันที่ 3 ธันวาคม 2562 ซึ่ง สตช.ต้องรับผิดชอบ” นายธีรัจชัย กล่าว

 

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image