กมธ.ดีอีเอสเชิญ 3 หน่วยงาน แจงปม ปชช.ถูกดูดเงิน ธปท.ยันเยียวยาบัตรเดบิตครบแล้ว

‘กมธ.ดีอีเอส’ เชิญ 3 หน่วยงาน แจงปม ปชช.ถูกดูดเงินจากบัญชี เหตุผูกบัญชีกับร้านค้าไม่แสดงตัวตน ด้าน ธปท.ยันเยียวยาบัตรเดบิตครบแล้ว ส่วนบัตรเครดิตไม่ต้องชำระเงิน แนะหน่วยงานบูรณาการแก้ปัญหา ให้ความรู้ หวังลด ปชช.ไม่ตกเป็นเหยื่อ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การสื่อสาร โทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุม กมธ.มีวาระพิจารณากรณีที่ประชาชนร้องเรียนว่าถูกหักเงินจากบัญชีธนาคาร บัญชีบัตรเครดิต หรือบัญชีบัตรเดบิตอย่างผิดปกติเป็นจำนวนมาก โดยมีตัวแทนจาก 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รวมถึงตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ เข้าให้รายละเอียดผ่านระบบซูม

ในปัญหาที่เกิดขึ้นตัวแทนธนาคารและสมาคมธนาคารไทยยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากความล้าหลังของระบบธนาคาร แต่เป็นกรณีที่ประชาชนผูกบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต กับร้านค้า หรือสินค้าที่ไม่แสดงตัวตน ไม่มีระบบยืนยันเพื่อตรวจสอบ หรือระบบ OTP (One Time Password) ซึ่งเป็นรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ต

น.ส.กัลยากล่าวว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ธปท.ยืนยันว่าได้ให้การเยียวยาประชาชนที่ถูกดูดเงินจากบัตรเดบิตครบถ้วนแล้ว ส่วนประชาชนที่ถูกหักเงินจากบัตรเครดิตนั้น เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ต้องชำระเงินที่ถูกหักและจะไม่เสียเครดิตด้วย ทั้งนี้ กมธ.ฝากไปยังหน่วยงานที่ชี้แจงให้หามาตรการลดผลกระทบกับประชาชน โดย กมธ.ไม่ต้องการให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติม เบื้องต้นทาง ธปท.ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) กระทรวงดีอีเอส กสทช. เพื่อบูรณาการการทำงาน ยกระดับความปลอดภัยให้กับประชาชนและพัฒนาระบบแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีของประชาชน

Advertisement

“สิ่งสำคัญที่ กมธ.ต้องดำเนินการต่อคือการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้กับประชาชน ต่อการรู้เท่าทันการใช้เทคโนโลยี เพราะการใช้ชีวิตวิถีใหม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี แต่ประชาชนส่วนหนึ่งยังรู้ไม่เท่าทันกับคนที่ไม่หวังดี ดังนั้น สิ่งที่จะลดผลกระทบได้ดีคือการให้องค์ความรู้ เพื่อสร้างเกราะให้ประชาชน เบื้องต้น กมธ.คิดว่าจะจัดเวทีเพื่อให้องค์ความรู้กับประชาชน และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการเช่นเดียวกัน” น.ส.กัลยากล่าว

น.ส.กัลยากล่าวด้วยว่า สำหรับช่องทางทางกฎหมายที่สามารถคุ้มครองประชาชนได้คือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่มีมาตรการคุ้มครองประชาชนและลงโทษผู้กระทำผิด แต่ขณะนี้ยังเลื่อนการบังคับใช้ เบื้องต้นคาดว่าจะนำมาใช้บังคับได้กลางปี 2565 เชื่อว่าเมื่อกฎหมายดังกล่าวใช้บังคับแล้วจะช่วยดูแลประชาชน โดยเฉพาะการลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image