อุบลปลดแอก อาลัย ‘เด็ก 15’ แนวร่วม มธ.ประณาม ตร.-ทะลุฟ้า ลั่น ‘วาฤทธิ์ต้องไม่ตายฟรี’

อุบลปลดแอก อาลัย ‘เด็ก 15’ แนวร่วม มธ.ประณาม ตร.-ทะลุฟ้า ลั่น ‘วาฤทธิ์ต้องไม่ตายฟรี’ ชวนเปลี่ยนความเศร้าเป็นพลัง

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม สืบเนื่องกรณี นายวาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงบริเวณศีรษะ กระสุนฝังบริเวณไขสันหลังส่วนบน หน้า สน.ดินแดง ในคืนวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด เสียชีวิตเมื่อเช้าวานนี้ (28 ต.ค.) ภายหลังอาการโคม่า นานกว่า 2 เดือน โดยวันนี้มีการร่วมจุดเทียนไว้อาลัยบริเวณจุดเกิดเหตุหน้า สน.ดินแดง นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านคณะอุบลปลดแอก จัดกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” 1.12 ชั่วโมง ที่หน้ามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ระหว่างเวลา 17.00-18.12 น. เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวชั่วคราวให้นักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกคุมขังในเรือนจำ โดยผู้ร่วมกิจกรรมต่างสวมเสื้อผ้าโทนสีขาว-ดำ พร้อมตั้งภาพของนายวาฤทธิ์ ระบุวันชาตะ 14 ก.พ.2559 มรณะ 28 ต.ค.2564 มีกลอนข้อความใต้ภาพสื่อถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยไม่หวั่นเกรงอันตรายเพื่ออนาคตของตัวเอง

ทั้งนี้ ภายหลังสิ้นสุดกิจกรรมยืนหยุดขัง มีการร่วมจุดเทียนไว้อาลัยการเสียชีวิตของนายวาฤทธิ์อีกด้วย

Advertisement

ขณะที่กลุ่มกิจกรรมทางการเมืองได้ร่วมโพสต์ข้อความอาลัยนายวาฤทธิ์ผ่านทางแฟนเพจ อาทิ

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมระบุว่า “หวังว่าจะมีความยุติธรรมให้ลูกแม่” คำพูดของคนเป็นแม่ที่ออกมาตามหาความยุติธรรมให้กับลูกที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องเพื่ออนาคตของตัวเขาเองในวันที่เขาได้รับผลกระทบจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐไทย

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของ คุณวาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชน อายุ 15 ปี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้า สน.ดินแดง จนต้องรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU เป็นเวลากว่า 3 เดือน ก่อนจะเสียชีวิตลงในวันที่ 28 ตุลาคม 2564

Advertisement

บ่อยครั้งเรามักได้ยินวลีกล่าวอ้างจากเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่เข้าร่วมการชุมนุมอยู่เสมอว่า การลงพื้นที่ของพวกเขาเหล่านั้นทำไปเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุมทุกคน แต่เหตุใดจึงยังเกิดการสูญเสียอยู่และผู้สูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นเพียงเยาวชนที่มีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ซึ่งการสูญเสียแต่ละครั้งยังอยู่ภายใต้การรักษาความปลอดภัยของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อีกด้วย เหตุใดการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมทางการเมืองจึงไร้มาตรฐานถึงเพียงนี้ หรือว่าการลงพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยจะเป็นแค่เพียงคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่มีไว้เพื่อควบคุมครอบงำผู้ชุมนุมให้เกิดความหวาดกลัวเพียงเท่านั้น

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ขอประณามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามคำกล่าวอ้างของตนได้แม้แต่น้อย จนทำให้เกิดความสูญเสียอย่างไม่มีวันหวนกลับ

พวกเราขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการสืบสวนเพื่อทวงคืนความยุติธรรมแก่ผู้เสียชีวิต เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือ ความอยุติธรรมที่ครอบครัวมิอาจรอได้ ทั้งนี้ การสูญเสียในครั้งนี้ไม่สมควรต้องเกิดขึ้น หากรัฐยอมเปิดใจ รับฟังเสียงของประชาชนที่เห็นต่าง และความทุกข์ยากลำบากของประชาชน ชีวิตหนึ่งที่ทรงคุณค่าและสามารถเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคตไม่ควรจากไปเพียงเพราะพวกเขานั้นออกมาเรียกร้องถึงชีวิตที่ดีกว่า

ท้ายที่สุดพวกเราแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ขอแสดงความเสียใจยืนยันว่า ไม่ควรมีใครต้องสูญเสียเพราะการเรียกร้องวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า และจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะไม่ให้มีการสูญเสียใดบนเส้นทางการเรียกร้องประชาธิปไตยนี้อีก
จนกว่าศักดินาจะพินาศ

ด้าน กลุ่มทะลุฟ้า ร่วมโพสต์ข้อความอาลัยนายวาฤทธิ์ ความว่า การฆาตกรรมโดยรัฐ: เราจะเลี้ยงดูรัฐไปทำไมหากรัฐจัญไรหันปลายกระบอกปืนหาลูกหลานเรา

ก่อนอื่นต้องกล่าวก่อนว่า พวกเราทะลุฟ้ารู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุดต่อการเสียชีวิตของ วาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชน อายุ 15 ปีจากการฆาตกรรมโดยรัฐเผด็จการ

ราว 2 เดือนที่ผ่านมาเขาถูกยิงเข้าบริเวณท้ายทอยที่หน้า สน.ดินแดง อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นหลังการพยายามยื้อชีวิตมากว่า 2 เดือน แต่ฝ่ายชนะกลับเป็นมัจจุราช

ย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว การชุมนุมเกิดขึ้นที่บริเวณหน้า สน.ดินแดง เพียงเพราะประชาชนผู้ร่วมชุมนุมต้องการอนาคตที่ดีกว่า สดใสกว่า ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวพวกเขาเท่านั้น แต่เป็นไปเพื่อเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถมาชุมนุมได้ด้วย

ความน่าสลดใจยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นหลักฐานและพยานชี้ไปในทางเดียวกันว่ากระสุนนั้นถูกยิงออกมาจาก สน.ดินแดง แม้หลายคนจะยืนยันอย่างนั้น แต่ตำรวจกลับปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆ

ถึงตอนนี้เวลาผ่านไปกว่า 2 เดือนแล้ว ในขณะที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หน้าสถานีตำรวจแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าตำรวจกลับยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายมารับผิดได้ ซึ่งแน่นอนว่าฆาตกรคงไม่ยอมรับสารภาพง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเชื่อว่าเขาเป็นนายประชาชน

อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมโดยรัฐไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ผู้ใช้อำนาจฝ่ายอำนาจนิยมทำการประหัตประหารประชาชนที่ลุกขึ้นมาท้าทายพวกเขาอยู่เสมอ อย่างที่เราเห็นกันได้ชัดๆ ก็เหตุการณ์ 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ และการสังหารหมู่เสื้อแดง

เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้อดไม่ได้ที่เราจะต้องย้อนถามว่าจริงๆ แล้วเรามีรัฐไปเพื่ออะไรกันแน่ หนึ่งในตำตอบสำคัญของการยอมเสียภาษี ยอมสละสิทธิและเสรีภาพบางส่วนไปให้แก่รัฐนั้นก็เพื่อให้รัฐปกป้องคุ้มครองภัยให้เรา

แม้การคุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชนจะเป็นหน้าที่พื้นฐานที่สุดของรัฐ แต่ด้วยความที่ประเทศไทยเราไม่เคยมีมาตรฐาน ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่นนี้แล้วยังเหลือเหตุผลใดอีกที่เรายังต้องชุบเลี้ยงรัฐจัญไรนี้อีก

ทีมทะลุฟ้าขอเรียกร้องให้ประชาชนผู้รักความเป็นธรรมเปลี่ยนความเศร้าเป็นพลัง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศของเรา เพื่อไม่ให้ลูกหลานเหลนโหลนของเราในภายภาคหน้าต้องมาสู้กับเผด็จการอย่างที่พวกเราทำอยู่ตอนนี้อีก
#ทะลุฟ้า #วาฤทธิ์ต้องไม่ตายฟรี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image