ฝนถล่ม ไมค์พัง ม็อบยังอยู่ ‘ยิ่งชีพ’ ปราศรัย หวัง กม.ชัดเจน-คุยบนโต๊ะ ไม่ใช่เรียกร้องสังคมที่ดีแล้วต้องติดคุก
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ กลุ่มราษฎร และแนวร่วมประชาธิปไตยในนาม ‘คณะราษฎรยกเลิก 112’ หรือ ครย.112 นัดหมายชุมนุม “ราษฎรประสงค์ยกเลิก 112” ระหว่างเวลา 16.00-21.00 น. เพื่อเรียกร้องยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 กฎหมายที่ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเรียกร้องให้คืนสิทธิการประกันตัวชั่วคราวแก่นักกิจกรรมที่ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง
สำหรับกลุ่มที่ร่วมกิจกรรม อาทิ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มทะลุฟ้า, กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก, กลุ่มสลิ่มกลับใจ, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, สหภาพคนทำงาน, เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และ We Volunteer เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งเวทีปราศรัยขนาดใหญ่, กิจกรรมเชิญชวนประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งร่วมทำภารกิจ “ลงชื่อ” ไม่น้อยกว่า 10,000 ชื่อ เพื่อเสนอยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อรัฐสภา ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของการรณรงค์ยกเลิกกฎหมายมาตราดังกล่าว ทั้งนี้ หากเรียกร้องสำเร็จ มาตรา 112 จะเหลือเพียงโทษปรับ ไม่มีโทษจำคุก
บรรยากาศเวลา 17.02 น. นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน กล่าวถึงกฎหมายที่ปิดกั้นไม่ให้สามารถใช้สิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้ ความว่า ตนเชื่อว่าสื่อมวลชนเห็นข้อเท็จจริง คงเบื่อที่ต้องดูว่าเนื้อหาไหนลงได้หรือไม่ได้ เพราะไม่มีเสรีภาพที่จะพูด และรู้ว่าข้าราชการอึดอัดในสิ่งที่ไม่กล้าคัดค้าน
“เชื่อว่าทุกท่านอึดอัดเหมือนผม ที่ประวัติศาสตร์เขียนโดยใครก็ไม่รู้ อนาคตที่ออกแบบให้ไม่มีส่วนร่วม เรื่องจริงไม่ได้รู้ เรื่องไม่อยากรู้อยู่ในหนังสือเรียน เมื่อเราติดตามข่าวสาร เชื่อว่าเรามีคำถามไม่แพ้กัน เกิดอะไรขึ้นถึงเกิดความรุนแรง ทำไมทหารยึดอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมประยุทธ์ซึ่งไม่ได้รับความนิยมแต่ยังลอยหน้าลอยตา เรียกตัวเองว่านายกรัฐมนตรีอยู่ได้” นายยิ่งชีพกล่าว และว่า เราทราบว่าสังคมต้องมีกฎหมาย แต่เราเชื่อว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเรามีกฎหมายที่ชัดเจน พูดคุยบนโต๊ะโดยสุจริต เอาข้อมูลมากาง น่าจะดีกว่าที่เราต้องอยู่ในสังคมที่ต้องติดคุก เพราะเรียกร้องสังคมที่ดีกว่า
เวลา 17.10 น. ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ผู้ร่วมกิจกรรมต่างวิ่งไปหลบฝนใต้ชายคาห้างสรรพสินค้าทั้ง 2 ฝั่ง
เวลา 17.15 น น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวปราศรัยท่ามกลางสายฝน ยืนยันยกเลิก ม.112
บรรยากาศเวลา 17.26 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ร่วมกิจกรรมบางส่วนยังคงยืนกางร่มและสวมเสื้อกันฝนฟังการปราศรัยท่ามกลางสายฝนที่ยังคงเทลงมาอย่างต่อเนื่อง
นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย กล่าวว่า นี่คือบทพิสูจน์ว่าฝนตก เราก็ยังจะสู้
เวลา 17.30 น. ไมโครโฟนเกิดขัดข้อง นายธัชพงศ์จึงนำร้องเพลง ‘สหาย’ โดยผู้ชุมนุมร่วมชู 3 นิ้ว ปรบมือ และเปล่งเสียงร้องไปพร้อมกัน
ต่อมา เวลา 17.32 น. น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ หนึ่งในแกนนำคณะ Re-solution ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล และหลานสาว พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ กล่าวปราศรัยในมุมข้อกฎหมาย โดยระบุว่า ม.112 ถูกนำมาใช้เพื่อปิดกั้นผู้เห็นต่างจากรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ มีการตีความได้อย่างกว้างขวางมาก โดยมีการยกกรณีกฎหมายหมิ่นประมุขของรัฐในต่างประเทศมาเทียบเคียง ม.112 ในไทย ทั้งในแง่ขอบเขตของกฎหมาย การบังคับใช้ และอัตราโทษ เช่น ประเทศบูรไนมีโทษ 2 ปี ไทยมีโทษสูงสุด 15 ปี
น.ส.ธิษะณามองว่า กฎหมาย ม.112 ของไทยมีโทษสูงมาก และไม่มีความเป็นสากล จากนั้นกล่าวถึงเหตุการณ์นองเลือดวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ว่าตระกูลของตนมีส่วนร่วม
“ต้องขอกราบพ่อแม่พี่น้องคนไทยอีกครั้ง และจะเดินหน้ายกเลิก ม.112 ที่ถูกใช้กับประชาชน จนกว่ามาตรา 112 จะถูกยกเลิก” น.ส.ธิษะณากล่าว
