‘เลขาฯสมช.’ ถกเอกชน แจงแผนเปิดประเทศ ลั่นดื่มถึง 3 ทุ่มต้องทำได้จริง แย้มอีก 15 วันประเมินอาจมีข่าวดี

‘เลขาฯสมช.’ ถกภาคเอกชน แจงแผนเปิดประเทศ เร่งส่ง จนท.ทำความเข้าใจพัฒนากิจการให้ได้มาตรฐาน SHA โดยเร็ว ลั่นดื่มแอลกอฮอล์แค่ 3 ทุ่มต้องทำได้จริง ไม่มีอะลุ่มอล่วย ขู่ฝ่าฝืนใช้กฎหมายจัดการ วอน ปชช.ร่วมมืออีก แย้มอีก 15 วันประเมินอาจมีข่าวดี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ห้องวิจิตรวาทการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาฯสมช. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วมกับภาคเอกชน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการเปิดประเทศ และสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศ โดยมีภาคเอกชนและตัวแทนหน่วยงานรัฐเข้าร่วม อาทิ สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมผู้ค้าปลีก สมาคมสปาไทย สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ สมาคมศูนย์การค้าไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบก ว่าการประชุม ศปก.ศบค.วันนี้ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดกับการเปิดประเทศมาร่วมประชุม ทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน และเชิญทางสมาคมสื่อมวลชนแต่ละประเทศมาด้วย ซึ่งผลการประชุมสำเร็จได้ด้วยดี ได้ประโยชน์จากทุกภาคส่วนที่ได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะมา

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า เราได้ประกาศเตือนก่อนเปิดประเทศจริงตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม และเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งในขั้นเตรียมการเราได้เห็นปัญหาบางประการ วันนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อคิดและข้อเสนอแนะ พร้อมแนวทางแก้ไขปรับปรุงในส่วนที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างเรียบร้อยและประชาชนปลอดภัย เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ผู้ประกอบการสามารถประกอบการต่อไป ซึ่งจะพาให้เศรษฐกิจโดยรวมสามารถเดินหน้าต่อไปได้

เมื่อถามว่าปัญหาที่พบมากที่สุดคืออะไร พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ปัญหาที่พบเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นในส่วนของขั้นตอนที่เล็กน้อย คือปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามา อะไรที่ขาดวันนี้ก็ได้สั่งการเพิ่มเติมไปแล้วเพื่อให้เกิดความสะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังพบกลุ่มบุคคลเปิดเว็บไซต์เลียนแบบเว็บไซต์ของทางราชการ เราจะแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะเข้าไปตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมาย ขณะเดียวกันภาครัฐจะพยายามสร้างเว็บไซต์เป็นช่องทางสื่อสารหลักของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความสะดวกและเป็นทางการ

“อีกเรื่องหนึ่งคือการผ่อนคลายมาตรการที่ร้านอาหารต่างๆ ต้องการทราบถึงมาตรฐานที่ทาง กทม. กระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดกำหนดวันนี้ได้มีการแก้ไขด้วยการจัดทีมเชิงรุกไปสร้างความเข้าใจให้ร้านอาหารและสถานประกอบการทั่วไปที่ยังไม่มีมาตรฐานสาธารณสุข หรือ SHA ให้มีมาตรฐานดังกล่าว รวมถึงส่วนที่มีมาตรฐาน SHA อยู่แล้ว ก็ให้เพิ่มความเร่งด่วนในการสร้างมาตรฐานให้เป็น SHA พลัส (SHA+) ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในร้านจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ กทม.ที่เป็นพื้นที่ที่ ศปก.ศบค.ห่วงใยมากที่สุด รวมทั้งจังหวัดนำร่องอื่นที่เราประกาศเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว โดยเราจัดทีมเชิงรุกจำนวนมากเข้าไปจัดการ ทั้งเรื่องของวัคซีนเพื่อให้เป็น SHA พลัส” พล.อ.สุพจน์กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่ามีเป้าหมายเปิดกิจกรรม/กิจการที่ได้รับมาตรฐาน SHA เพิ่มอีกเท่าไหร่ เพราะขณะนี้เหมือนมีจำนวนน้อยอยู่มาก โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. อีกทั้งผู้ประกอบการเองก็ต้องการได้รับมาตรฐานดังกล่าวมากขึ้น พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ขณะนี้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และพื้นที่ของ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายเร่งด่วนสูงสุดไปเร่งกำหนดเส้นมาตรฐานเพื่อกำหนดให้ชัดเจนว่า ศปก.ศบค.จะเร่งรัดอย่างไรได้ โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ยอมรับว่ากิจการที่ได้รับมาตฐาน SHA ในพื้นที่ กทม.ยังน้อยอยู่ เราจะเร่งพิจารณาในเรื่องนี้ต่อไป ส่วนร้านอาหารที่ยังไม่ได้รับมาตรฐาน SHA เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปแนะนำการพัฒนาเพื่อให้ได้รับมาตรฐานต่อไป

Advertisement

เมื่อถามว่าข้อจำกัดอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้แค่เวลา 21.00 น. โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.จะสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ต้องทำได้จริง แต่อาจจะยังมีความไม่เข้าใจ หรืออาจจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมดจะต้องเข้าไปขอความร่วมมือให้ช่วยกันทำให้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้แล้วเราควบคุมไม่ได้ อาจทำให้เกิดปัญหา เกิดความเสียหายเช่นเดิมอีก ดังนั้น ต้องพยายามทำให้ได้ โดยอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจถึงความจำเป็น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะไม่อะลุ่มอล่วย ถ้าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตรวจพบ ครั้งแรกคงต้องเตือนก่อนในเบื้องต้น และถ้ายังไม่เชื่อฟังก็คงต้องใช้กฎหมายเข้าไปดำเนินการ

ผอ.ศปก.ศบค.กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการเปิดประเทศ ศปก.ศบค.ดูใน 2 ประเด็นคือ ในส่วนของประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขได้ดีแค่ไหน โดยจะต้องป้องกันตัวเองตามมาตรการสาธารณสุข โดยเฉพาะการดำเนินกิจกรรมที่เราผ่อนคลาย ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ในส่วนที่เป็นกิจการ หรือกิจกรรมต้องใช้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องของโควิดฟรีเซตติ้ง สถานที่ทุกอย่างต้องพร้อม พนักงานต้องได้รับวัคซีน เพื่อให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการ

“โดยปกติ ศปก.ศบค.จะประเมินสถานการณ์ในทุก 2 วันอยู่แล้ว มีการรายงานทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ แต่ในภาพใหญ่เรากำหนดระยะเวลา 15 วันในการประเมิน เพื่อพิจารณาดูว่าหลังเปิดในลักษณะนี้แล้วสถานการณ์ในแต่ละด้านเป็นอย่างไร ทีมของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งเรื่องของการท่องเที่ยว กระทรวงมหาดไทย จะช่วยกันพิจารณาดูว่าถ้าเป็นไปด้วยดี ได้รับความร่วมมืออย่างดีในมาตรการต่างๆ ก็จะค่อยๆ ผ่อนคลายลงตามระยะไปเรื่อยๆ

วันนี้พูดได้ว่าภายใน 15 วัน ถ้ามาตรการต่างๆ ได้รับการสนองตอบ และร่วมมือเป็นอย่างดี เราก็อาจจะมีข่าวดีว่ามาตรการที่หลายคนอยากให้ผ่อนคลายจะได้รับการตอบสนอง ยกเว้นในส่วนของผับ บาร์ เรายังไม่เปิด โดยเราใช้หลักเกณฑ์หลายปัจจัยในการพิจารณา ทั้งจำนวนคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้ได้รับวัคซีน ซึ่งขณะนี้ทำได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ รวมถึงอัตราการครองเตียงของผู้ติดเชื้อ และขีดความสามารถด้านสาธารณสุขทั้งหมด” พล.อ.สุพจน์กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีข่าวดีให้กับสถานบันเทิง ผับบาร์ได้เมื่อไร่ ผอ.ศปก.ศบค.กล่าวว่า กลางเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการประเมินกันอีกครั้งว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งมีความพร้อมเรื่องมาตรฐานสาธารณสุขเป็นความเร่งด่วนแรก ส่วนพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศเรามีการประเมินอยู่ตลอดอยู่แล้ว สรุปว่าหากสถานการณ์ในพื้นที่ใดดีและมีความพร้อมเราก็จะทยอยเปิดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว โดยระบบต่างๆ จะถูกประเมินตามขั้นตอนต่อไป

พล.อ.สุพจน์กล่าวด้วยว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในปัจจุบันสถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงมาเล็กน้อย รวมถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น มีเพียง จ.นราธิวาส ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ลด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image