‘หมอชลน่าน’ ชี้ ‘เพื่อไทย’ ไม่ได้แก้ ม.112 แต่เป็นตัวกลางอาสานำปัญหาเข้ากลไกสภา กันปะทะทางความคิดจนต้องสู้บนถนน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงจุดยืนในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ในการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านวันนี้ เรื่องนี้คงไม่เป็นประเด็นหลัก แต่อาจจะมีหยิบมาพูดคุยกัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพรรคร่วมฝ่ายค้านในฐานะสมาชิกรัฐสภา ซึ่งประเด็นที่พรรคเพื่อไทยแถลงการณ์ไปในนามประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทยนั้น เจตนารมณ์จริงๆ กับที่นำเสนอเผยแพร่ในสื่อค่อนข้างไม่ตรงกัน เพราะเจตนารมณ์ของเราที่แถลงไปมี 2 เรื่อง คือ 1.เราต้องการปกป้องคุ้มครองผู้ที่ถูกบังคับใช้กฎหมาย ถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพ ถูกจับกุมเป็นนักโทษทางความคิด เพียงเพราะเห็นต่างเท่านั้น เป็นการนำกฎหมายมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และ2.เราเห็นสภาพปัญหา ซึ่งจะเป็นวิกฤตทางการเมือง เพราะมีความเห็นต่างกันมากในเรื่องนี้ มีผู้เรียกร้อง มีผู้สนับสนุน มีผู้ต่อต้าน ถ้าเราในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติปล่อยไว้ ไม่ดึงสภาพปัญหาเหล่านั้นมาแก้ไขในรัฐสภาตามวิถีประชาธิปไตย สิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นคือการแก้ไขนอกสภาฯ เราไม่อยากให้เกิดปัญหานั้น จึงต้องรีบอาสารับเรื่องทุกเรื่องที่เป็นปัญหาเข้าสู่สภาฯ เพื่อแก้ไขถามวิถีประชาธิปไตย
“เราไม่ได้มุ่งหมายว่าจะแก้อย่างไร หน้าที่เราคือรับเรื่องเข้ามาก่อนหากเป็นปัญหา ส่วนจะแก้อย่างไรเป็นหน้าที่ของรัฐสภาตามประเด็นที่เสนอเข้ามา ไม่ว่าจะเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่มีสภาพการบังคับใช้ที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของเจตนารมณ์ของกฎหมาย เริ่มต้นตั้งแต่ระบบตำรวจ อัยการ ศาล หรือผู้สั่งการ หรือแม้แต่การใช้ตัวบทกฎหมายเป็นเครื่องมือ ซึ่งแล้วแต่เขาจะเสนอเข้ามา พรรคเพื่อไทยไม่ได้บอกว่าจะทำอะไร แต่พรรคเพื่อไทยอาสาว่าจะนำเรื่องเหล่านั้นเข้าสู่การแก้ไขปัญหาในรัฐสภาตามวิถีประชาธิปไตย เราอย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี หากเราปล่อยไว้อย่างนี้ กระบวนการแก้ไขปัญหาจะกลับไปสู่วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม ฝ่ายเห็นต่างมีการปะทะที่แตกแยกกันมาก นี่คือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ซึ่งเราพยายามแก้ปัญหาตรงนี้” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กถึงมุมมองในการแก้ไขมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะน้อมรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราฟังความเห็นของทุกฝ่ายทุกคน ส่วนจะนำเข้าสู่สภาในมุมไหนอย่างไรเป็นไปตามสภาพงาน ต้องยอมรับว่ามีความเห็นสองฝ่าย เราเป็นตัวกลางมีฐานะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหน้าที่ เราปล่อยปัญหาให้ไปสู้กันบนถนนไม่ได้ ฉะนั้น ความเห็นต่างๆ เราก็น้อมรับเข้ามาสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา ส่วนจะเป็นไปตามความเห็นของใคร ก็ขึ้นอยู่กับรัฐสภาที่มีหน้าที่โดยตรง เพราะระบบรัฐสภาเป็นระบบเสียงข้างมาก ก็ผ่านกระบวนการแก้ไขปัญหาตามกระบวนการรัฐสภา ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขกฎหมายอย่างเดียว แต่กระบวนการการบังคับกฎหมายที่ไม่ชอบ เราสามารถใช้กลไกของสภาในการตรวจสอบควบคุมการบริหารราชแผ่นดินในส่วนนี้ได้เลย เช่น การตั้งกระทู้ถามสด การนำเข้าสู่กระบวนการกรรมาธิการตรวจสอบ เช่น ทำไมไม่ให้ประกันตัว เพราะอะไร หรือเสนอเป็นญัตติด่วน สามารถทำได้หลายมิติ
