รบ.ตั้งเป้า เป็นฮับผลิตสมุนไพร-ยาจากกัญชา เพิ่มรายได้หลังโควิด ชี้ยอดจดทะเบียนพุ่ง

‘รองโฆษก รบ.’ เผยรัฐบาลตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการผลิตสมุนไพร-ยาจากกัญชามาตรฐานโลก ด้าน ผู้ประกอบการไทยตอบรับดี ยอดจดทะเบียนก้าวกระโดดใน 9 เดือน

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้และเพิ่มมูลค่าจากผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของพืชสมุนไพรไทย ซึ่งมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตพืชสมุนไพรและเวชภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์

น.ส.รัชดากล่าวว่า ภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของโลก เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศในยุคโควิดและ “post  COVID-19” ขณะนี้ มีตัวเลขรายงานว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเครื่องเทศในตลาดโลก ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ  3  แสนล้านบาท และในปีนี้ คาดว่ายอดรวมตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยจะมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่เติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว รับอานิสงส์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่  ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

น.ส.รัชดากล่าวว่า หากเจาะจงเฉพาะผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงในตลาดโลก ประมาณการว่ามูลค่าตลาดสำหรับประเทศไทย จะอยู่ที่  660 ล้านดอลาร์สหรัฐ และในปี 2024  จะก้าวกระโดดไปเป็น 2.5  พันล้านดอลาร์สหรัฐ มีตลาดหลักได้แก่ สหภาพยุโรป สหรัฐ ซึ่ง 2 ตลาดนี้รวมกันคิดเป็นสัดส่วน 80 เปอร์เซ็นต์ ของความต้องการในตลาดโลก

น.ส.รัชดากล่าวว่า เพื่อสอดรับกับเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงเกษตรฯได้ดำเนินการโครงการหลักๆ อาทิ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร ตามมาตรฐาน GAP ห้าหมื่นกว่าไร่ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร และโครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ โดยมีกลุ่มแปลงใหญ่พืชสมุนไพร จำนวนทั้งสิ้น 37 แปลง ใน 22 จังหวัด เกษตรกร 1,565 ราย รวมพื้นที่จำนวน 7,913 ไร่ ลงนามข้อตกลงเพื่อการแปรรูปสมุนไพรกับโรงพยาบาลใหญ่ในพื้นที่นั้นๆ เช่น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โรงพยาบาลพนา โรงพยาบาลตระการพืชผล เรียกว่าผลิตที่ไหนแปรรูปที่นั้น สำหรับปี 2565 จะเร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาภาคการเกษตรในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ที่ครอบคลุมคลัสเตอร์พืชสมุนไพรและคลัสเตอร์พืชมูลค่าสูง สอดรับกับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่และยุคโควิด-19

Advertisement

น.ส.รัชดากล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเวชภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ เป็นฐานการผลิตยาจากกัญชา ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับโลก โดยมีหลายหน่วยงานที่บูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านกัญชาทางการแพทย์ เช่น ศูนย์วิจัยกัญชาทางการแพทย์ระหว่างประเทศ (IMCRC) คลินิกกัญชาทางการแพทย์ เป็นต้น

น.ส.รัชดากล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาพบยอดประชาชนเข้าใช้บริการกัญชาทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในทุกวันมีการขออนุญาตนำกัญชาทางการแพทย์ไปใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า และทางกระทรวงสาธารณสุขยังมีโครงการปลูกกัญชาทางการแพทย์ ดำเนินการร่วมกับวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชาทางการแพทย์ โดยจะเก็บผลผลิต ต้นกัญชา และชิ้นส่วนดอกกัญชา เพื่อนำส่งกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลนำไปสกัดเป็นยารักษาโรคต่อไป

“นโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนของรัฐบาลดังกล่าว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ดังเห็นได้จากการรวมตัวของเกษตรกรเพื่อปลูกพืชสมุนไพรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และการจดทะเบียนของนิติบุคคลธุรกิจผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรจัดตั้งใหม่ สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดใน 9 เดือนตั้งแต่มกราคม-กันยายน 2564 มีจำนวน 117 ราย เพิ่มขึ้น 69.56 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 และในปีนี้ ช่วง 9 เดือนแรก มีทุนจดทะเบียน จำนวน 305.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 56.04 เปอร์เซ็นต์” น.ส.รัชดากล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image