ศาล รธน.ชี้ ม็อบ 10 สิงหา เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง-สั่ง ‘แกนนำ’ หยุดการกระทำ

ศาล รธน.ชี้ ม็อบ 10 สิงหา เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง-สั่ง ‘แกนนำ’ หยุดการกระทำ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ภายหลังนัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ กรณีรับคำร้องที่ นายณัฐพร โตประยูร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ชุมนุมปราศรัยในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อเสนอข้อเรียกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า การกระทำและพฤติกรรมต่อเนื่องของผู้ถูกร้อง 1-3 มีเจตนาซ่อนเร้น เซาะ กร่อนบ่อนทำลาย เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพมุ่งล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจึงสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 และเครือข่ายเลิกการกระทำดังกล่าว

รอรายละเอียดของคำวินิจฉัยต่อไป 

สำหรับรัฐธรรมนูญ  มาตรา 49 บัญญัติไว้ว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้

Advertisement

ผู้ใดทราบว่ามีการกระทําตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทําดังกล่าวได้

ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคําสั่งไม่รับดําเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดําเนินการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับคําร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคําร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้

การดําเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดําเนินคดีอาญาต่อผู้กระทําการตามวรรคหนึ่ง

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งรายชื่อบุคคลที่เข้ามารับฟังคำวินิจฉัย โดยนายนายณฐพร โตประยูร ในฐานะผู้ร้องได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตนเอง ส่วนนายอานนท์ นำภา ผู้ถูกร้องที่ 1 มอบหมายให้นายกฤษฎางค์ นุตจรัส เป็นผู้แทนมาศาล นายภานุพงศ์ จาดนอก ผู้ถูกร้องที่ 2 มอบหมายให้นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม เป็นผู้แทนมาศาล ส่วนน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง

โดยก่อนที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเริ่มอ่านคำวินิจฉัย นายกฤษฎางค์ ได้กล่าวต่อศาลว่า ตนได้รับคำสั่งจากนายอานนท์ ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยระบุว่า ถ้าศาลมีคำวินิจฉัยไม่รับคำร้องขอให้ดำเนินการไต่สวน นายอานนท์ บอกว่าไม่ต้องอยู่ในห้องพิจารณาให้ออกไปเลย เพราะไม่ประสงค์จะให้มีตัวแทนมารับฟังคำวินิจฉัย ส่วนเรื่องการไต่สวน ตนและนายอานนท์เข้าใจว่าเป็นอำนาจของศาลที่จะงดการไต่สวนเพราะศาลยุติธรรมหรือศาลอื่น หากหลักกฎหมายเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณา เพียงแต่เราอาจจะมองต่างมุม เนื่องจากเรื่องนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเราควรมีโอกาสแสวงหาข้อเท็จจริงเสนอต่อศาลด้วย โดยวันนี้ตนได้นำพยาน คือ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ มาด้วย จึงขอให้ศาลช่วยบันทึกไว้ด้วยและขอเรียนด้วยความเคารพในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจจึงต้องปฎิบัติตามคำสั่งของนายอานนท์

จากนั้นนายนรเศรษฐ์ ทนายของนายภานุพงศ์ ก็ได้แจ้งต่อศาลในลักษณะเดียวกันว่าไม่ประสงค์จะอยู่รับฟังคำวินิจฉัย จึงขอออกจากห้องพิจารณาไป

ด้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงว่า ศาลพิจารณาคดีโดยใช้ระบบไต่สวน แสวงหาข้อเท็จจริงได้จากหลายฝ่าย เมื่อได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนที่สามารถจะวินิจฉัยได้จึงสั่งงดการไต่สวน ซึ่งเป็นคำสั่งตามที่กฎหมายบัญญัติ ส่วนการไม่ประสงค์ฟังคำวินิจฉัยก็เป็นสิทธิ

เช่นเดียวกับน.ส.ปนัสยา กล่าวกับศาลว่า วันนี้เรามาฟังคำวินิจฉัยโดยทนายของพวกเราเคยมีการยื่นขอศาลให้ดำเนินการไต่สวน หนูไม่ใช่นักเรียกกฎหมายก็อาจจะรู้น้อย แต่ก็เข้าใจว่าการได้มาซึ่งความยุติธรรม อย่างน้อยควรจะต้องรับฟังทุกอย่างเท่าที่จะรับฟังได้ ซึ่งวันนี้ อาจารย์ ส. ศิวลักษณ์ ได้มารออยู่ พร้อมที่เข้าไต่สวน หากศาลอนุญาต แต่ถ้าศาลไม่อนุญาตและให้รับฟังคำวินิจฉัย โดยที่หนูไม่มีโอกาสแสวงหาความจริงเพิ่มเติมให้ศาลรัฐธรรมนูญก็คงต้องขอออกจากห้องพิจารณาเช่นกัน

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงอีกครั้งว่า เป็นข้ออ้างของฝ่ายผู้ถูกร้องว่าไม่ไต่สวน แต่ความจริงกระบวนการพิจารณาของศาลไต่สวน เราแสวงหาข้อเท็จจริงทุกอย่าง เอกสารที่ได้มาได้ส่งให้ผู้ถูกร้องเรียบร้อยหมดแล้ว ผู้ถูกร้องมีหน้าที่โต้แย้งเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งศาลก็ได้รับหมดแล้ว ถือว่าได้ให้ความเป็นธรรม และยุติธรรมกับผู้ถูกร้อง ไม่ใช่การพิจารณาในระบบกล่าวหา แต่เป็นระบบไต่สวนซึ่งศาลมีอำนาจไต่สวน แต่ในการไต่สวนศาลได้ให้ผู้ถูกร้องทราบ พยานหลักฐานทุกอย่างและให้โอกาสโต้แย้ง ดังนั้นกระบวนการพิจารณาถูกต้อง “สิ่งที่คุณอ้าง ก็เป็นข้ออ้างของคุณ” ยืนยันว่าเรื่องนี้ศาลใช้เวลาพิจารณาเป็นปี เรารอบคอบในการหาพยานหลักฐาน ไม่ใช่รับคำร้องมาแล้วตัดสิน ใช้เวลาปีเศษด้วยซ้ำไป

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image