ครม.รับทราบ เคลื่อนนโยบายรัฐบาล จว.ฝั่งอันดามัน สร้างความเข้มแข็งฐานราก-พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน-ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช. ด้าน ‘นายกฯ’ ย้ำ รมต.นำนโยบายไปสู่การปฎิบัติ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน ที่โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.กระบี่ ว่า ครม.รับทราบการลงพื้นที่ดูงานของ ครม.ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและโครงการที่สำคัญของรัฐบาลในมิติต่างๆ อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานระนอง ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ โครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือภูเก็ต และโครงการนำสายสื่อสารลงดิน บริเวณจุดท่องเที่ยว และก่อสร้างท่าเทียบเรืออ่าวมาหยาบริเวณจุดท่องเที่ยวเกาะพีพี รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ผ่านโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน โครงการยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ โครงการเพิ่มมูลค่าและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากผลิตภัณฑ์การเลี้ยงหอยมุก การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก โดยพัฒนากลุ่มโอท็อป และวิสาหกิจชุมชน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยปรับปรุงระบบที่ดินทำกินและลดความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดิน ในการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขต ส.ป.ภ. 4-01 แก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัย รวมถึงโครงการบ้านมั่นคง รวมทั้งการพัฒนาระบบสาธารณสุข มีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ควบคู่กับการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้านกับการส่งเสริมการใช้สมุนไพรในชุมชน
การปฏิรูปศักภาพคนไทยทุกช่วงวัย จัดทำโครงการ NFE Data Map : ปักหมุดสร้างโอกาสทางการศึกษาของผู้พิการและด้อยโอกาส และจัดการศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ ส่งเสริมบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ แหล่งน้ำชุมชน ด้วยโครงการการจ้างก่อสร้างขุดลอกและบำรุงรักษาชายฝั่งทะเลและบริเวณร่องน้ำกันตรัง
การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
น.ส.รัชดากล่าวว่า รัฐบาลดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและยุทธศาสตร์ชาติ 1.ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวง และส่วนราชการ นอกจากนั้น พัฒนาคุณภาพด้านการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานอย่างยั่งยืน ทั้งโครงข่ายคมนาคมทางถนน การบริหารจัดการภัยพิบัติ ติดตามประเด็นปัญหาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2.การพัฒนาระบบและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าภาคเกษตร ประมง และปศุสัตว์ ที่มีศักยภาพในพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยการเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ 3.การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพต้นทุนมนุษย์เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ติดตามโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยพอเพียง การดำเนินงานตามนโยบายการจัดการศึกษาทุกระดับชั้น การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นต้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องนำผลสรุปจากการลงพื้นที่เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป