“บิ๊กตู่”ไม่คิดราชภักดิ์จะเกิดทุจริต เเต่เกิดเเล้ว ว่าตามกม. รับห่วง”บิ๊กโด่ง” (คลิป)

เมื่อเวลา08.15 น. วันที่ 3 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ถึงการสอบการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า วันนี้พวกเราทุกคนมาร่วมกันถวายสัตย์ฯว่าจะเป็นข้าราชการที่ดีที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียมที่ผ่านมาแม้จะมีปัญหาอยู่บ้างวันนี้รัฐบาลจึงใช้เวลาที่มีอยู่ทำให้ประชาชนมีความรักความสามัคคี

ส่วนเรื่องของความขัดแย้งต้องปล่อยให้กฎหมายดำเนินการโดยต้องให้ความเป็นธรรม และทุกคนให้การยอมรับห ลายเรื่องที่ทุกคนเป็นห่วงขอยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างโดยใช้ข้อกฎหมาย สิ่งที่เรายึดมั่นมาโดยตลอดคือความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ ซึ่งหลายเรื่องอยู่ในขั้นของการตรวจสอบ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสแก้ไข และทุกคดีนั้นก็ให้โอกาสในการแก้ไขทั้งหมด รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้สังคมเข้าใจและอยากขอให้โอกาสผู้ที่อยู่ในกระบวนการด้วยจะผิดจะถูกอย่างไรก็ให้มีการสอบสวนกันมา

“วันนี้ต้องอย่าเอาหลายๆ อย่างมาเป็นความขัดแย้งเดียวกันเพราะมันเกิดขึ้นคนละเวลาแต่การทำงานจะเหมือนกันทุกขั้นตอนไม่ได้ปิดกั้นใครเลยซึ่งเมื่อวานนี้(2ธ.ค.) ผมได้พูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว และเป็นห้วงเวลาที่การตรวจสอบจะดำเนินไปตามลำดับ ซึ่งของรัฐก็จะมีการตรวจสอบ ผมก็ให้กระทรวงกลาโหมอำนวยความสะดวก แต่ต้องรอในส่วนของข้าราชการเขาทำก่อน ซึ่งก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น “ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องที่พูดถึงนั้นหมายถึงพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่สิ ท่านเกี่ยวข้องตรงไหน พล.อ.อุดมเดช อยู่ในส่วนของโครงการ ซึ่งจะไปชี้แจงกับคณะกรรมการสอบของกระทรวงกลาโหมเพื่อให้เกิดความโปร่งใสขึ้น”

เมื่อถามว่า ได้กำหนดกรอบเวลาในการทำงานของคณะกรรมการสอบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนจะเร่งรัดแต่กรอบเวลา ที่ผ่านมาทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการโดยตลอดและทางนี้ก็ไม่เคยมีการบิดพลิ้วอะไรสักอย่าง แต่สื่อและคนบางกลุ่มก็ยังคิดไปเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งตนพยายามที่จะไม่พูดมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่การปิดบัง แต่รู้ว่าขั้นตอนนั้นเป็นอย่างไร เพราะหน่วยงานในการตรวจสอบนั้นมีอยู่ เป็นไปตามปกติของหน่วยงานราชการที่มีข้อสงสัยก็ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน เช่นในระดับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม และองค์กรอื่นๆ เช่น ป.ป.ช. ซึ่งมีขั้นตอนของเขา

ส่วนเรื่องของความรับผิดชอบ ต้องรอให้มีความชัดเจนก่อนว่าผิดถูกอย่างไร ต้องย้อนกลับไปดูของเดิมๆด้วยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนไม่ได้จะพยายามเปรียบเทียบ แต่การจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งนั้น เร็วไปก็ไม่ได้ ช้าเกินไปก็ไม่ดี แต่ขอให้ทุกคนยึดหลักการ ซึ่งตนอยู่ตรงนี้รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร

Advertisement

เมื่อถามว่า จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อมีผลสอบออกมาแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ต้องมีอย่างนั้นมั้ง แล้วมันต้องรอการตรวจสอบหรือเปล่าล่ะ ต้องรอการตัดสินไหม อย่างคดีทั่วไปก็ต้องรอการตัดสินจากคณะกรรมการใช่หรือไม่ อย่างการละเมิดในปี 2539 ก็มีกระบวนการเรื่องศาลและเรื่องอะไรเยอะแยะไปหมด แต่บอกแล้วว่า ทุกคนให้โอกาสเขาในการชี้แจง ในการที่จะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น ที่ผมพูดหมายความว่า อย่าไปเร่งรัดเขามากเดี๋ยวกระบวนการจะเสียหาย เพราะถ้าเร่งรัดมาก ออกมาแล้วก็จะไม่ได้รับความเชื่อมั่นอีก”

เมื่อถามว่า เมื่อถึงเวลาที่ผลสอบออกมานายกฯจะตัดสินใจเองใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนมีอำนาจในการตัดสินใจบางอย่างและผู้ที่เกี่ยวข้องก็รู้ตัวเขาเอง แต่เมื่อท้ายที่สุด ก็ต้องตัดสินใจของตน ซึ่งจะต้องบอกอะไรกับใครล่วงหน้าด้วยหรือ ทำไมต้องบอก ตนมีอำนาจหน้าที่ของตน

เมื่อถามว่า จากกรณีดังกล่าวทำให้เกิดกระแสข่าวเรียกร้องให้ปรับครม. นายกฯ กล่าวว่า “มีก็มีไปสิ ผมก็คิดของผมอยู่ แล้วจะทำไม” เมื่อถามว่า ยอมรับว่าจะมีการปรับครม.หรือไม่ นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์หงุดหงิดว่า “ยังไม่ยอมรับ บอกแล้วว่าให้มีการตรวจสอบมาก่อน กะว่าจะให้ผมพูดยอมรับให้ได้หรือ ผมไม่ทำตามกระแส ผมให้ความเป็นธรรมทุกคน ถ้าผมทำตามกระแส ผมคงไม่ต้องพิจารณาทั้งเรื่องจำนำข้าว และเรื่องอะไรต่างๆก็คงไม่ต้องพิจารณา แล้วทำไมไม่มาเร่งรัด มาเร่งผมสิ แล้วผมให้ความเป็นธรรมหรือไม่ มาเร่งผม ไปเตรียมของตัวเองให้ดีเถอะ”

เมื่อถามว่า เมื่อผลสอบของกระทรวงกลาโหมออกมาแล้วจะสามารถตัดสินใจได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้องค์กรอื่นๆสอบสวนอีกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “เขาต้องสอบก่อนสิ ถ้าเกิดตรวจสอบออกมาแล้วจะมาบอกว่า ไม่เป็นธรรม ผมก็บอกว่าใครจะมาตรวจก็มาตรวจเถิด มีอำนาจตรวจสอบก็ตรวจสอบไป จะผิดจะถูกก็ว่ามา”

เมื่อถามว่าจะให้กระทรวงยุติธรรมโดย ศอ.ตช. เข้าไปตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขารอผลสอบตรงนี้ก่อน คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมก็รอการตรวจสอบจากกองทัพบก ในเมื่อมีเรื่องมีราวอย่างนี้ถึงอย่างไรก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ก็ถามว่าถ้าตรวจสอบแล้วยอมรับหรือไม่ ถ้ากระทรวงกลาโหมตรวจสอบมาก็ไม่ยอมรับเขาอีก สตง.เข้าไปก็ไม่ยอมรับอีกแล้วจะให้ทำอย่างไร แต่ตนจะทำอย่างไรนั้นก็จะคิดให้ดี เพราะมีสติปัญญา ขัดแย้งกันในวันนี้ยังไม่พอ ยังจะเอาอนาคตมาขัดแย้งอีก ซึ่งตนไม่ทำอย่างนั้น ทุกอย่างอยู่ในหัว ตนไม่ได้ทำแค่นี้ ถามว่าเอาอนาคตมาขัดแย้งกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ก็รอถามเมื่อถึงเวลาก็แล้วกัน ตนจะไม่ตอบเรื่องนี้แล้ว ต้องรอผลการตรวจสอบ ซึ่งเขาก็ทำให้เร็วที่สุด แต่หากเร็วเกินไปก็บอกว่าไม่ชัดเจน หาว่าเป็นพวกเดียวกัน ช่วยกัน แต่ถ้าช้าเกินไปก็บอกว่าปิดบัง แล้วจะทำอย่างไรดี

เมื่อถามว่า ส่วนตัวนายกฯรู้สึกอึดอัดต่อกรณีนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อึดอัดทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ประเทศจะไปอย่างไร รัฐธรรมนูญจะไปอย่างไร จะเลือกตั้งได้หรือไม่ เศรษฐกิจจะแก้ทันหรือไม่ จะแก้เรื่องการศึกษาได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้เป็น 100 เรื่อง แต่ทุกคนต้องการหมดพร้อมกันทีเดียว ผมทำให้ไม่ได้ ถ้าคนมีความรับผิดชอบมันก็ต้องอึดอัด ถ้าไม่รับผิดชอบก็ไม่อึดอัด ใครทำอะไรก็ทำไป ทุกกระทรวงผมดูแลหมด ไม่ได้ปล่อยให้ทำโน่น ทำนี่เอง เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบนโยบาย แต่ว่าจะทำอย่างไร หรือจะผิดถูกอย่างไรก็ไปตรวจสอบกันมา ผมไม่ได้สั่งว่า ต้องไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมบอกเพียงว่ามีทางเลือก หนึ่ง สอง สาม ก็ให้ไปเลือกกันมาว่าจะทำแบบไหน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในใจลึกๆแล้ว นายกฯคิดว่าไม่มีการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็แน่นอน ใครจะคิดว่าจะมีการทุจริต แต่ก็ต้องไปดูว่าทุจริตทั้งโครงการหรือไม่ ทุจริตที่บุคคลหรือตรงส่วนไหน รายรับ รายจ่าย ซึ่งมีงบฯกลางอยู่ส่วนหนึ่งที่เอาลงไปนั้นมีความชัดเจนหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ และงบฯบริจาคมาจากไหนบ้าง ถูกต้องหรือไม่ มันมีส่วนหนึ่งที่ผิด ผิดโดยคนไม่กี่คน และคิดว่าคนส่วนนี้จะอยู่ในนี้อย่างนั้นหรือ ตรวจอย่างไรก็ไม่เจอเพราะคนมันขี้โกง มันก็ต้อง 2 คนที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วเพราะถ้าไม่ผิดก็คงไม่หนี ต้องดูตรงนี้ ทุกคนเจตนาดีทั้งหมด คิดว่าไม่มีใครหวังว่าทำเพื่อจะโกง เขามีเป็น 1,000 โครงการ แต่บังเอิญเริ่มแรกเริ่มมาจากคนที่ทำงานใกล้ชิดสถาบันนั่นแหละคือปัญหา จึงอยากให้ดูแล้วแยกออกจากกัน เพราะไปใช้ประโยชน์จากตรงนั้น ยอมรับได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ ใครเกี่ยวข้องก็ว่ามา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงพล.อ.อุดมเดชหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ในความเป็นส่วนตัวผมก็ต้องห่วง น้องผมนะ แต่ในความรัยผิดชอบก็ต้องทำอย่างที่ผมบอก โดยเอาระเบียบ เอากติกาที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว”

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าน้องตนเอง(พล.อ.อุดมเดช)นั้นจะบริสุทธิ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมโตด้วยกันมา จะผิดจะถูก ซึ่งถ้าผิดก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ผิดก็ต้องโอเค ทำงานไป ก็ไปหาคนผิดมาลงโทษก็เท่านั้น แล้วจะอะไรกันนักหนา ที่บอกว่าต้องรับผิดชอบทางการเมือง ต้องรับผิดชอบตั้งแต่วันนี้หรือ แล้วมันชัดเจนหรือยังว่าผิดตรงไหน รายรับ รายจ่าย งบฯต่างๆ การก่อสร้างอะไรก็แล้วแต่ เขาสั่งให้เรียกค่าหัวคิวหรือเปล่าก็ไม่รู้อีก เป็นที่ไอ้คนนั้นหรือเปล่าที่ไปเรียกค่าหัวคิว ก็ไปสอบมา ไปดูทางข้อกฎหมาย หลายคนก็ให้ไปตรวจสอบกัน ผมก็ไม่รู้ ผมไม่ใช่ศาล แต่เป็นคนนำเข้าสู่กระบวนการ

ถ้าประเทศไม่อยู่แบบผมอยู่ก็จะยุ่ง อย่างที่ผ่านมาก็ยุ่งไปหมด เข้ากระบวนการอ้างผิดอ้างถูกแล้วประชาชนมาสู้กัน ประชาชนก็อย่าเป็นเครื่องมือของเขา หรือของใคร นี่คือหนึ่งในพันอย่างที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เอาหนึ่งอย่างมาเหมารวม 999 อย่าง หนึ่งอย่างนี้ก็ให้หยุดไป แล้วไปสอบกันมา ลงโทษกันมา แล้ว 999 อย่างนั้นก็ต้องเดินหน้า ถามว่าใครเคยทำ 999 อย่างเหมือนผมบ้างไปหามาเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จ ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์จะเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ได้กล่าวว่า “วันนี้ว่าจะไม่อารมณ์ร้อนแล้วนะ แต่อากาศมันร้อน” และยังได้กล่าวทิ้งท้ายขณะเดินขึ้นบันไดด้วยว่า เปิดตาให้กว้าง พร้อมแสดงท่าทางโดยนำมือทั้งสองข้างป้องไปที่ข้างขมับทั้งสอง ลักษณะเหมือนม้าแข่งสวมแว่นตา แล้วกล่าวอีกว่า “ต้องเปิดตาให้กว้าง อย่าเหมือนกับม้าแข่ง ไม่ใช่วิ่งอยู่แต่ในลู่ ไม่มีวันชนะ ฉะนั้นต้องมองให้กว้าง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image