‘อรุณี’ แนะ ‘ประยุทธ์’ คิดก่อนพูดปมแก้ปัญหาน้ำมันแพง ไม่ต้องสวมบทตลกคาเฟ่ให้คนดูถูกดูแคลน

‘อรุณี’ แนะ ‘ประยุทธ์’ คิดก่อนพูดปมแก้ปัญหาน้ำมันแพง ไม่ต้องสวมบทตลกคาเฟ่ให้คนดูถูกดูแคลน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรค พท. แถลงว่า ขณะนี้คนไทยตกอยู่ในสถานการณ์จำทนที่ต้องอดทนอยู่กับผู้นำที่มีความพยายามแก้ปัญหาประเทศด้วยความเคยชินกับพฤติกรรมนายทหารชั้นผู้ใหญ่อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่คิดว่าประเทศเป็นเสมือนกรมทหาร แก้ปัญหาด้วยการชี้นิ้วสั่ง ทหารทำได้ทุกอย่าง หลายครั้งของแนวความคิดที่ พล.อ.ประยุทธ์เสนอ เช่น ให้ทหารปลูกผักชี หรือใช้รถทหารส่งของ สะท้อนความจริงว่าเราเอาทหารมาบริหารประเทศไม่ได้ ซึ่งในความจริงแล้วทหารมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เพียง 4 ด้าน คือ รักษาเอกราชอธิปไตย พิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พัฒนาประเทศ และปกป้องคุ้มครองประชาชนไม่ให้กองกำลังต่างชาติหรือกองกำลังนอกกฎหมายใดๆ ทำร้ายเข่นฆ่าประชาชน จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์และคนรอบกายอ่านบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่พวกท่านเขียนขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้ทหารได้กลับไปทำหน้าที่ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย

น.ส.อรุณีกล่าวอีกว่า อย่างกรณีราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบไม่เกิน 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 30 บาท ซึ่งแพงกว่าราคาน้ำมันดีเซลในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ 29 บาท โดยในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิงลักษณ์ ราคาน้ำมันดีเซล ราคาหน้าโรงกลั่น อยู่ที่บาร์เรลละ 25.3/บาร์เรล์ ในขณะที่รัฐบาล คสช. ตลอด 7 ปี ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นต่ำกว่ามาตลอด ทำให้รัฐบาล คสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มเป็นรายได้เข้ารัฐ เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หารายได้ชดเชยเข้ากองทุนทางอื่นไม่เป็นใช่หรือไม่

“พรรค พท.เคยตั้งคำถามถึงเงินกองทุนน้ำมันมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ที่รัฐจัดเก็บจากภาษีประชาชนผู้ใช้บริการน้ำมัน ซึ่งวันนี้ยังไม่มีคำตอบใดๆ จากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรัฐบาลมีกลไกการบริหารจัดการไม่แตกต่างกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ทุกวิถีทางที่ชาญฉลาดในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันรวมทั้งเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์ให้ทันตามกำหนด เพราะไทยเสียโอกาสจากการสร้างอนาคตประเทศไทย 2020 ตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งสร้างระบบรองรับการขนส่งมวลชนในราคาที่ประชาชนเข้าถึงง่าย และวางแผนระยะยาวโครงการพลังงานทดแทนต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานมวลชีวภาพ ทดแทนการใช้น้ำมัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการบริหารบ้านเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ทำได้เพียงแก้ปัญหาที่ปลายเหตุสุดท้ายแก้ไม่ได้ แต่กลับกล้าประกาศเป้าหมายประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2550 ไว้ในเวทีการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ COP26 ทั้งที่ปัจจุบันรัฐบาลยังขาดนโยบายเชิงรุกและมาตรการจูงใจภาคอุตสาหกรรม กี่ครั้งแล้วที่เรามีผู้นำชื่อประยุทธ์ ที่ดีแต่พูดแต่ไร้ความรับผิดชอบต่อคำพูดตน หัดฟังคนเก่งๆ และเป็นนายกฯ ไม่ต้องสวมบทตลกคาเฟ่ ไม่อย่างนั้นท่านจะเป็นผู้นำที่ใครก็ดูถูกดูแคลนต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้” น.ส.อรุณีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image