สำทับจาก นายวิษณุ เครืองาม ที่ว่า หาก 5-6 เดือน หลังเลือกตั้งยังไม่สามารถได้ “นายกรัฐมนตรี” ก็อาจต้อง “ยุบสภา”
เหมือนกับเป็น “การขู่”
กระนั้น สำทับนี้ก็มิได้ดำเนินไปอย่างเลื่อนลอย ว่างโหวง ไม่มีรากฐานใดรองรับ
อย่าลืมว่า นายวิษณุ เครืองาม เป็นใคร
เขามิได้นักกฎหมายจาก”เบิร์กเล่ย” และดำรงอยู่ในฐานะเป็นครูสอนกฎหมายในระดับ “ศาสตราจารย์”
หากเขายังเป็น “รองนายกรัฐมนตรี”
เป็นรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็น “มือกฎหมาย”ให้กับคสช.เช่นเดียวกับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ และ นายบวรศักดิ์ อุวรรโณ
“คำพูด” ที่ออกมาจึงดำเนินไปในลักษณะ”ตัวแทน”
อย่าลืมอย่างเด็ดขาดว่า คสช.ยังสามารถใช้มาตรา 44 จนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรี มีรัฐบาลใหม่
“กระบอง”จึงยังอยู่ในมือ”ยักษ์”
พลันที่ นายวิษณุ เครืองาม หยิบ”กระบอง”อันได้มาตั้งแต่รัฐประ หารเดือนพฤษภาคม 2557 มาใช้
น้ำเสียง”ไม่เห็นด้วย”ก็ดัง”กระหึ่ม”
ไม่ว่าจะมาจาก “นักการเมือง” ไม่ว่าจะมาจาก “นักกฎหมาย” ไม่ว่าจะมาจาก “นักวิชาการ”
เตือนว่าอาจทำให้ “เสีย” ในทางการเมือง
นั่นก็คือ เสียไปถึงหัวหน้าคสช.ซึ่งเป็นผู้ลงนามในคำสั่ง”ยุบสภา” ตามมาตรา 44
เหตุผล 1 ก็คือ “ต่างประเทศ”ไม่เห็นด้วย
เหตุผล 1 ก็คือ เท่ากับเป็นการขู่ต่อพรรคการเมือง เท่ากับเป็นการขู่ต่อนักการเมือง
เป็นเช่นนั้น
เหมือนกับเหตุผลที่ว่า“ต่างประเทศ”ไม่เห็นด้วย “ต่างประเทศ”ต้อง คัดค้านและต่อต้าน
ถามว่า “รัฐประหาร” น้ำเสียงจาก”ต่างประเทศ”เป็นอย่างไร
สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เป็นต้น อาจไม่เห็นด้วย ต่างก็คัดค้านและต่อต้าน
แล้วเป็นอย่างไร
การเมืองอาจสะดุดไปบ้าง แต่การค้าขาย การท่องเที่ยวก็ยังดำเนินไปตามปรกติ
“รัฐบาล”ก็บริหารมาได้ 2 ปีกว่า
บริหารมากระทั่งร่างรัฐธรรมนูญผ่าน”ประชามติ” บริหารมากระทั่งตระเตรียมจะเข้าสู่”โรดแมป”เลือกตั้งปลายปี 2560
ปัญหาใหญ่ที่ นายวิษณุ เครืองาม เตือนเช่นนี้คืออะไร
คือปัญหาที่ “รัฐสภา” ไม่สามารถหาตัว”นายกรัฐมนตรี”ได้แม้เลือกตั้งจะผ่านมา 5-6 เดือน
นี่คือ “ไม้เด็ด”ที่ตระเตรียมไว้แล้วในทาง”ยุทธศาสตร์”
