‘ชินวรณ์’ คาด พรรคร่วมรัฐบาล ยื่นร่าง กม.ลูกประกบครม. เข้าสภาฯ ธ.ค.นี้ ไม่เห็นด้วยไพรมารี่โหวต

‘ชินวรณ์’ คาด พรรคร่วมรัฐบาล ยื่นร่าง กม.ลูกประกบครม. เข้าสภาฯ ธ.ค.นี้ ไม่เห็นด้วยไพรมารี่โหวต เหตุคนร่างไม่ได้เป็นนักการเมือง-ปฏิบัติไม่ได้จริง -พรรคการเมือง-ปชช.ไม่มีส่วนร่วม

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า โดยหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญการเสนอกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะทำได้โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอีกทางหนึ่งเสนอได้โดยส.ส.จำนวน 1 ใน 10 แต่เนื่องจากกฎหมายนี้มีความสำคัญ วิปรัฐบาลมีความเห็นว่าเราควรที่จะได้รวมกันเสนอเป็นร่างเดียวกันเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ เพราะเป็นกฎหมายหลักที่ประกอบรัฐธรรมนูญและเป็นกฎหมายที่ต้องเสนอเข้าสภาให้ส.ว.ร่วมพิจารณาด้วย ที่สำคัญต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศบังคับใช้

นายชินวรณ์ กล่าวว่า ขณะวิปรัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมการยกร่างในส่วนของพรรคร่วมรัฐสภาแล้ว ซึ่งได้มีการประชุมนัดแรกไปแล้วเพื่อกำหนดกรอบสำคัญเพื่อที่จะเร่งรัดในการพิจารณากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ โดยในสัปดาห์นี้จะให้แต่ละพรรคส่งร่างที่แต่ละพรรคไปพิจารณากันมา และทาง ครม.ต้องมีการเสนอร่างโดยข้อเสนอแนะของกกต. ซึ่งขณะนี้ กกต.ได้มีการร่างมาแล้ว 17 ประเด็น และกำลังรับฟังความคิดเห็นกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและประชาชน อย่างไรก็ตามในส่วนนี้เป็นหลักการของฝ่ายผู้ปฏิบัติคือ กกต.

Advertisement

นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า ในฝ่ายการเมืองมีหลักการสำคัญ คือ 1.จะร่วมกันแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ โดยจะเน้นประเด็นสำคัญ เพื่อเป็นไปตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับบัตร 2 ใบเท่านั้น ส่วนประเด็นที่เป็นการทำงานของ กกต.ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะมีการพิจารณาร่วมกันว่าเห็นด้วยหรือไม่ และ 2.เนื่องจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 180 วัน คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่กระบวนการการพิจารณาร่วมกันของวิปรัฐบาลครั้งสุดท้ายให้เร็วที่สุด คาดว่าภายในเดือนธันวาคมจะเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้

เมื่อถามว่า เรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคร่วมรัฐบาลมีทั้งพรรคเล็ก พรรคใหญ่ จะเกิดปัญหาความไม่ลงรอยกันหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เมื่อที่ประชุมรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบเรื่องระบบบัตร 2 ใบ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามีข้อดีคือทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นพรรคการเมืองเข้มแข็ง และทำให้อิทธิพลของการซื้อเสียงลดลง ที่สำคัญคือการส่งเสริมเสรีภาพในทางการเมือง ให้ประชาชนสามารถเลือกได้ทั้งคนและพรรคได้ ซึ่งเป็นโมเดลของรัฐธรรมนูญปี 40 ที่จะทำให้พรรคการเมืองใหญ่มีความเข้มแข็งขึ้น พรรคเล็กมีข้อจำกัดในการคิดสัดส่วนตามข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญคือ ให้คิดสัดส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ คือเอาร้อยละมาคิดสัดส่วนที่ได้จริง เช่น ร้อยละ 60 ก็ได้ 60 คน ที่เหลือเศษสูงสุดเท่าไหร่ อีกหนึ่งพรรคก็จะได้อีกหนึ่งคน

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ข้อดีของระบบนี้คือจะไม่มีระบบบัตรเขย่งและไม่มีส.ส.ปัดเศษ ฉะนั้นต้องยอมรับความจริงว่าต้องเขียนไปตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด นอกจานี้ยังมีประเด็นสำคัญเรื่องต้องเป็นบัตรเบอร์เดียวกัน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตัดสินใจลงคะแนนได้ง่ายขึ้น ระหว่างเบอร์พรรคการเมืองกับเบอร์ส.ส.

Advertisement

เมื่อถามถึง เรื่องไพรมารีโหวต พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอปรับแก้อะไรบ้าง นายชินวรณ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องพ.ร.ป.ว่าด้วยเรื่องพรรคการเมือง ซึ่งมีความคิดเห็นร่วมกัน ดังนี้ การส่งเสริมให้พรรคการเมืองสามารถแสวงหาสมาชิกของพรรคการเมืองได้ง่ายขึ้นภายใต้บริบทของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย คือไม่จำเป็นต้องเก็บค่าทำเนียบในการเข้าเป็นสมาชิก หรือหากจำเป็นต้องเก็บก็ขอให้น้อยที่สุด และ 2.จะมีการแก้ไขเรื่องการดำเนินการจัดทำไพรมารี่โหวตที่เคยมีมาตามรัฐธรรมนูญปี 60 คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตกค้างจากรัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งร่างโดยคนที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง

“ฉะนั้นหากอยากให้มีพรรคกาเรมืองที่เข้มแข็งในระบบประชาธิปไตย ควรจะให้อำนาจพรรคการเมืองมีส่วนร่วมกับประชาชน เนื่องจากระบบไพรมารี่โหวตเป็นระบบของซากรัฐธรรมนูญปี 60 ที่สร้างขึ้นมาโดยไม่จำเป็นและปฏิบัติไม่ได้จริง รวมถึงพรรคการเมืองและประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจัง จึงอยากเห็นประชาชนมีส่วนร่วมมาจากรากฐานของพรรคการเมือง ตามหลักการ พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” นายชินวรณ์ กล่าว

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคำสั่งคสช.ยังเป็นหลักคิดแบบระบบ ไม่ใช่ฐานความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง คิดว่าควรส่งเสริมให้พรรคการเมืองได้มีบทบาทที่ชัดเจนในการสร้างประชาชนให้มีส่วนร่วม ยืนยันว่าการทำไพรมารี่โหวต โดยการทำระบบแบบตัวแทนเขตตามคำสั่งคสช.ในบทเฉพาะกาลเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้จริง เป็นหลักคิดที่ผิด ที่พื้นฐานในการส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image