‘ก้าวไกล’ ย้อน ‘ชัยวุฒิ’ ทวีปเอเชียมีแค่เกาหลีเหนือ-หมู่เกาะโซโลมอนเท่านั้น ที่มีเครือข่ายมือถือรายเดียว

‘ก้าวไกล’ ย้อน ‘ชัยวุฒิ’ ทวีปเอเชียมีแค่เกาหลีเหนือ-หมู่เกาะโซโลมอนเท่านั้น ที่มีเครือข่ายมือถือรายเดียว

พรรคก้าวไกล จี้รัฐบาลมีหน้าที่ป้องกันการผูกขาด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน หลัง รมว.ดิจิทัล แสดงความเห็นว่า การควบรวมทรู-ดีแทค ว่าเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ รัฐบาลไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และหลายประเทศก็มีผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเพียงรายเดียว

วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และโฆษกคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน กล่าวว่า ในเอเชียมีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่มีผู้ให้บริการรายเดียว

ประเทศแรกที่เป็นต้นแบบของรัฐบาลไทย คือประเทศเกาหลีเหนือ ที่มีผู้ใช้มือถือเพียง 3.8 ล้านราย จากประชากร 26 ล้านราย ประเทศที่สอง คือ หมู่เกาะโซโลมอน ที่มีประชากร 700,000 คน

Advertisement

คล้ายกับ 4 ประเทศในยุโรปที่มีผู้ให้บริการเพียงรายเจ้าเดียว อย่าง อันดอร์รา ที่มีประชากร 77,265 คน ยิบรอลตาร์ ที่มีประชากร 33,691 คน โมนาโก ที่มีประชากร 39,244 คน และ ซานมารีโน ที่มีประชากร 33,938 คน

“ประเทศไทยมีประชากร 69 ล้านคนนะครับ ตลาดโทรคมนาคมก็มีมูลค่าปีนึงกว่า 600,000 ล้านบาท ถ้าไม่คิดจะปกป้องประโยชน์ของประชาชนคนที่เสียภาษีเป็นเงินเดือนให้รัฐบาล ที่กำลังจะได้รับผลกระทบจากการผูกขาด อย่างน้อยก็อย่าถือหางกลุ่มทุนจนออกนอกหน้าขนาดนั้น เดี๋ยวประชาชนจะสับสนว่า รัฐบาลนี้ทำงานเพื่อประชาชนหรือเพื่อกลุ่มทุนกันแน่”

ด้าน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องการควบรวมบริษัทระหว่างทรูและดีแทค ว่า การที่รัฐมนตรีดีอีเอสกล่าวว่าการควบรวมบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่ 2 เจ้าไม่ได้อยู่ในอำนาจการกำกับดูแล และการควบรวมครั้งนี้เป็นเรื่องปกติ แสดงให้เห็นว่ารัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้มองเห็นแต่ผลประโยชน์ของกลุ่มทุน แต่ไม่เคยรู้จักหน้าที่ของตัวเองว่ารัฐบาลมีหน้าที่ป้องกันการผูกขาดทางธุรกิจ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน

Advertisement

“เชื่อว่า กรณีนี้นายชัยวุฒิ ที่จบมาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ คงจะคำนวณค่าดัชนี HHI เป็นอยู่แล้ว คงไม่ต้องให้ใครมาสอนวิธีการคำนวณให้ และควรต้องรู้อยู่แล้วว่า การควบรวมกิจการเครือข่ายโทรคมนามคม นั้นเป็นหน้าที่ที่รัฐมนตรีดีอีเอสต้องเข้าไปตรวจสอบดูแล ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยอย่างนี้ ป้ายชื่อกระทรวงด้านท้ายที่ระบุว่า เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็น่าจะผ่านตานายชัยวุฒิบ้างอยู่แล้ว”

วิโรจน์อธิบายเพิ่มเติมว่า หากพิจารณาจาก พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม และประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ในข้อที่ 12 ก็ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะคำนวณอย่างไร ค่าดัชนีการผูกขาดตลาด เฮอร์ฟินดาห์ล-เฮิร์ชแมน (HHI) ก่อนการควบรวมก็มีค่ามากกว่า 2,500 ตามที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว และหากปล่อยให้มีการควบรวมดัชนีการผูกขาดตลาดก็จะทะลุไปถึงหลัก 5,000 กันเลยทีเดียว

การเปลี่ยนแปลงของดัชนี HHI ขนาดนี้ ย่อมส่งผลทำให้ธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศมีการแข่งขันที่ลดลง มีสภาพที่ผูกขาดมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อค่าบริการ และคุณภาพบริการโทรคมนาคมกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ต่างๆ ไม่มากก็น้อยแน่ๆ

ส่วนกรณีที่นายชัยวุฒิให้สัมภาษณ์ ธุรกิจโทรคมนาคมมีผู้ให้บริการหลายเจ้าไม่ได้ หากมีหลายๆ เจ้า ต่างคนต่างลงทุนอาจเป็นการสิ้นเปลืองก็ได้ ทำให้เกิดต้นทุนที่สูงขึ้น ถือเป็นการสะท้อนว่า นายชัยวุฒิ มองแต่มิติของนายทุนเท่านั้น ไม่ได้ห่วงใยในความเดือดร้อนประชาชนเลย เพราะถ้าการแข่งขันลดลง มีสภาพผูกขาดมากขึ้น นายทุนก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนปรับปรุงระบบเครือข่าย หรือพัฒนาระบบการให้บริการอะไรมากนัก คู่แข่งขันที่มีอยู่อีกแค่รายเดียว ก็ไม่ยากที่จะแบ่งเค้กกันโขกราคากับประชาชน และเมื่อถึงจุดนั้นประชาชนก็จำต้องยอมใช้บริการที่คุณภาพต่ำ ในราคาแพง อย่างไม่มีทางเลือก ในขณะที่นายทุนก็จะกลายเป็นเสือนอนกินที่รวยเอาๆ

“สภาพการแข่งขันในตลาดที่ลดลง ตลาดมีการผูกขาดมากขึ้น นายทุนมีแต่จะได้เปรียบ ผู้บริโภคมีแต่จะเสียเปรียบ เรื่องนี้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาก็ยังเข้าใจ นายชัยวุฒิ ก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม นายชัยวุฒิ ถึงให้สัมภาษณ์อย่างนั้น หากรัฐมนตรีดีอีเอส และรัฐบาล ยังคงปล่อยปละละเลยแบบนี้ หากในอนาคต เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะขึ้น ย่อมต้องถือว่านายชัยวุฒิ รัฐมนตรีดีอีเอส และรัฐบาลนี้ จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image