เกียมอุดมฯ-ศิษย์เก่าจัดกิจกรรม #แด่เธอผู้เสียสละ ‘เบนจา’ ฝากสาร ‘ช่วยเด็กเตรียมอุดมฯ ในเรือนจำ’

เกียมอุดมฯ-ศิษย์เก่าจัดกิจกรรม #แด่เธอผู้เสียสละ ‘เบนจา’ ฝากสาร ‘ช่วยเด็กเตรียมอุดมฯ ในเรือนจำ’

เมื่อเวลา 15.29 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ จัดกิจกรรม #แด่เธอผู้เสียสละ ซึ่งกิจกรรมนี้จัดโดยศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน พร้อมกับแสดงพลังให้เพื่อนผู้เสียสละเพื่อประชาธิปไตย โดยจัดขึ้นภายในรั้วด้านโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ประตูทางเข้าฝั่งพญาไท โดยปิดประตูไม่เปิดให้บุคคลภายนอกรวมถึงผู้สื่อข่าวได้เข้าไปภายในโรงเรียน ทั้งนี้ กลุ่มเกียมอุดมฯ ได้ประกาศเชิญชวนให้นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมฯเข้าร่วม เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 อย่าให้ใครมาปิดกั้นเสรีภาพ

นายศักรินทร์ ชูช่วย หรือก้อง นักเรียน ต.อ.82 กล่าวว่า ความเป็นเตรียมอุดมฯ คือยอดพีระมิดของสังคม ใครแพ้คัดออก การศึกษาคือการแข่งขัน เด็กต้องไปเรียนพิเศษอย่างหนักเพื่อมาสอบเข้าเตรียมอุดมฯ ซึ่งการเรียนพิเศษนี้มีมาตั้งแต่รุ่นหนึ่งแล้วจนถึงปัจจุบัน หลายคนมองว่านักเรียนเตรียมอุดมฯเป็นคนที่มีอภิสิทธิ์ทางสังคม ซึ่งตนมองว่าหน้าที่ของเราคือการตระหนักว่าทำไมเรามีอภิสิทธิ์ แล้วจะใช้อภิสิทธิ์อย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม สิ่งที่มองหาในนักเรียนเตรียมอุดมฯคือคุณสมบัติพิเศษที่มากกว่าความเก่ง คือ ความกล้าหาญ ความจริงใจ ความมุ่งมั่น ที่ต้องการเห็นสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เตรียมอุดมฯจะเป็นมาตรวัดที่ลบ หรือบวก ขึ้นอยู่กับนักเรียนเตรียมอุดมฯทุกคนว่า ต่อไปจะทำตัวเป็นคนก้าวหน้า ทันสมัย หรือเป็นอนุรักษนิยมโลกแคบ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ขอให้นักเรียนเตรียมอุดมฯลุกขึ้นเป็นผู้กล้า ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ให้เหมือนกับศิษย์เก่าที่ถูกจับขังในขณะนี้

ด้านแรปเตอร์-สิรภพ อัตโตหิ ต.อ.ศิษย์เก่ารุ่น 77 กล่าวปราศรัยนอกรั้วโรงเรียน ว่าไม่ได้เข้ามาโรงเรียนนานด้วยเหตุผลบางประการ ขณะที่เราเลือกเส้นทางประชาธิปไตย เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยว และรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นนักเรียนเตรียมฯเดินผ่านประตูไปไม่สนใจกิจกรรมนี้ ทั้งนี้ ตนเป็นเพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกันกับเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ทำกิจกรรมร่วมกันกับ น.ส.เบนจา อะปัญ เลยยิ่งรู้สึกเจ็บปวด

Advertisement

“อยากบอกทุกคนที่ฟังอยู่ว่า การเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ข้างเรา ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยกัน และเสียสละอะไรบางอย่าง สุดท้ายวิธีการที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงอยู่ข้างเรา ไม่ใช่การที่เรามีผู้เสียสละแค่หนึ่งหรือสองคน แต่ทุกคนต้องเสียสละ เพื่อยืนยันหลักการของความเป็นคนเท่ากัน“ แรปเตอร์-สิรภพ กล่าว

ทนายจูน-ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ต.อ.64 จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ครั้งนี้นอกจากมาในฐานะศิษย์เก่า ยังมาในฐานะผู้สังเกตการณ์ และในฐานะทนายความ ซึ่งพบเจอกับผู้ที่อยู่ในเรือนจำ ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย.63 ระบุว่าจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราอย่างเข้มข้นกับผู้ชุมนุม และเริ่มมีการใช้กฎหมาย มาตรา 112 กับผู้ชุมนุมจำนวนมาก ขอเรียกสภาวะตอนนี้ว่า สภาวะที่รัฐเหลิงอำนาจ แต่เรือนจำคุมขังเพียงร่างกาย แต่ไม่อาจขังความคิด จากการที่ทนายเข้าไปเยี่ยมคนในเรือนจำ จึงขอส่งสาร ความเป็นอยู่ในเรือนจำ โดยเบญจาเคยพูดตอนหนึ่งหลังจากที่มีคำสั่งลงโทษ ละเมิดอำนาจศาลว่า “หนูสงสัยว่าเราสามารถตั้งคำถามกับความเป็นธรรมได้มากน้อยแค่ไหน แท้จริงกฎหมายเป็นของใคร ของประชาชนหรือของใคร”

Advertisement

พร้อมกับฝากข้อความถึงน้องๆ เกียมอุดมฯ ด้วยว่า “ช่วยด้วย ยังมีเด็กเตรียมอุดมฯอีก 2 คน อยู่ในเรือนจำ เรากับเพนกวินดีใจที่มีเด็กเตรียมอุดมฯ ร่วมต่อสู้มากกว่ายุคที่เราอยู่”

จากนั้นเวลา 17.02 น. ได้มีการอ่านแถลงการณ์ และได้จัดกิจกรรม #ยืนหยุดขัง เป็นเวลา 11 นาที 20 วินาที ก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า วัย 67 ปี และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เข้าร่วมสังเกตการณ์ ขณะที่ก่อนเริ่มการชุมนุม ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลวได้เดินทางมาร่วมและนำหนังสือ “คู่มือเอาตัวรอดในโรงเรียน” มาแจกผู้สื่อข่าวและประชาชนทั่วไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image