ภาวะเลือดไหล พลังประชารัฐ ซัดลามกระแทก ประชาธิปัตย์
สังคมอาจให้ความสนใจต่อข่าวลืออัน ‘ปล่อย’ ออกมาจากภายในของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะในกรณีของ ‘กลุ่มสามมิตร’ ไม่ว่าจะในกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
จึงทำให้ละเลยกระทั่งมองข้าม ‘ข่าวจริง’ ระลอกแล้วระลอกเล่า อันปรากฏขึ้น “ภายใน” ของพรรคประชาธิปัตย์
เนื่องจากความสนใจใหญ่เทลงไปยังผลโพลแปลกๆ จากสำนักโพลแปลกๆ สะท้อนคะแนนและความนิยมที่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และพรรคประชาธิปัตย์
ไม่เพียงแต่จะทะลุทะลวงเหนือกว่าคะแนนและความนิยมที่เคยมีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากแต่ทำท่าว่าอาจจะเหนือกว่าทุกพรรคการเมืองในสารบบ
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องแปลกอย่างประหลาดเนื่องจากเป็นคะแนนและความนิยมที่พุ่งทะยานภายใต้สถานการณ์ “เลือด” ที่ไหลออกอย่างไม่ขาดสายจาก “ภายใน” ของพรรคประชาธิปัตย์
นับแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 นับแต่การขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเดือนมิถุนายน 2562
เลือดหยดแรกและหยดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นคือ การยื่นใบลาออกจาก ส.ส.และจากหัวหน้าพรรคของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยยังคงการเป็นสมาชิกภาพของพรรคอยู่
พลันที่มีการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคร่องรอยแห่งความขัดแย้งก็ปรากฏอันนำมาซึ่งภาวะ “เลือดไหล” ต่อเนื่อง
เริ่มจาก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ไปอยู่พรรครวมพลังประชาชาติไทย ตามมาด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตามมาด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช ออกไปจัดตั้งพรรคกล้า และกระหึ่มด้วยคำประกาศของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เฉียบขาด
ทั้งหมดสะท้อน ‘ปัญหา’ และรอยแยกแตกจาก ‘ภายใน’ ทั้งสิ้น
หากข่าวความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือกระแส ที่ทะยานจากเดือนกันยายนกระทั่งเดือนพฤศจิกายนยังไม่จบสิ้น ความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์ก็ยิ่งสร้างความปั่นป่วน
เป็นปัญหากระหึ่มจาก ‘ภายใน’ รัฐบาล จากพรรคร่วมรัฐบาล
เป็นสัญญาณของการจัดแถวใหม่เพื่อเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งที่กำลังรุกคืบเข้ามาในอัตราเร้าและเร่งเป็นอย่างสูง
ทั้งหมดล้วนไม่เป็นผลดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น
