‘ส.ว.’ จี้ทบทวนโอน รพ.สต.ให้ อปท. แนะตั้ง กก.ศึกษาผลดีผลเสีย หวั่น ปชช.ได้รับกระทบบริการ

‘ส.ว.’ จี้ทบทวนโอน รพ.สต.ให้ อปท. แนะตั้ง กก.ศึกษาผลดีผลเสีย หวั่น ปชช.ได้รับกระทบบริการ

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้มีวาระพิจารณาศึกษา เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา ที่มี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.เป็นประธาน กมธ. ซึ่งวิเคราะห์ถึงเนื้อหาต่อการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.กว่า 9,787 แห่ง ตามกฎหมายแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ อทป.ปี 2542 และในปี 2563 พบว่าสามารถถ่ายโอนสำเร็จ 70 แห่ง ซึ่งในการพิจารณาพบว่า ส.ว.ส่วนใหญ่แสดงความเห็นให้ทบทวนการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. และพิจารณาบนความพร้อมของ อปท.เป็นหลักมากกว่าการกำหนดเป็นเป้าหมายและความสำเร็จในการถ่ายโอน โดยเทียบกับจำนวน พร้อมแสดงความกังวลว่าหากถ่ายโอนภารกิจให้ อปท.ที่ไม่พร้อมอาจกระทบต่อการบริการกับประชาชนได้

โดย นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.อภิปรายว่า การถ่ายโอนภารกิจเชื่อว่าจะประชาชนจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการส่งต่อการรักษา หาก อปท.ไม่มีเครือข่ายโรงพยาบาลของตนเองแต่ต้องฝากงานให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนั้นการจัดสรรเงิน ซึ่งปัจจุบันตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สปสช.พ.ศ.2545 กำหนดให้ สปสช.เป็นผู้จัดสรรงบประมาณ รวม 2 แสนล้านบาททั่วประเทศ แต่หากไม่แก้ไขกฎหมายจะทำให้มีปัญหาและที่ผ่านมาพบว่าการจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอ แต่ใช้การส่งต่อผ่านเครือข่ายโรงพยาบาล

ด้าน พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.อภิปรายว่า ตนทราบว่าอนุกรรมการที่พิจารณาการประเมินการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.จะพิจารณาว่า 3,000 แห่ง ที่โอนภารกิจไป อปท.จะพิจารณาและลงมติในวันนี้ (30 พฤศจิกายน) แต่ไม่ทราบว่า อปท.ที่รับโอนจะมีความพร้อมหรือไม่ ทั้งนี้ ในการถ่ายโอน รพ.สต.ตามความเข้าใจของท้องถิ่น ตามรายงานที่เสนอ พบว่าความสำเร็จการถ่ายโอนขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลและความจริงใจของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสวนทางกับกระทรวงสาธารณสุขที่คำนึงถึงความพร้อมของหน่วยงานที่รับโอน รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และระบบการส่งต่อคนไข้มากกว่าจำนวนถ่ายโอน

“รพ.สต.ส่วนใหญ่ไม่มีแพทย์ แต่พยายามพัฒนาให้มีแพทย์เพื่อดูอาการคนไข้ตามความเหมาะสม หากเกินกว่านั้นต้องส่งต่อ เพราะ รพ.สต.คือการแพทย์ปฐมภูมิ หากตัดตอนยกโครงสร้างพื้นฐาน เงินและบุคลากรของ รพ.สต.ให้ อปท.ที่มาจากการเลือกตั้ง คือ อบต.หรือ อบจ.ที่ไม่มั่นใจในโครงสร้างอำนาจที่มาจากเลือกตั้ง และเปลี่ยนทุก 3-5 ปี ทำให้นโยบายการดูแล รพ.สต.เปลี่ยน ฉะนั้น ขอฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรพิจารณา เพราะตลอด 20 ปี พบว่าถ่ายโอนไปเพียง 84 แห่ง หากพร้อมต้องโอนได้มากกว่านี้” พล.อ.ต.เฉลิมชัยกล่าว

Advertisement

พล.อ.ต.เฉลิมชัยกล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณพบว่า รพ.สต.ได้รับเงินจาก สปสช.ต่อหัว 45 บาท เพื่อทำงานส่งเสริม ฟื้นฟู และรักษาสุขภาพ ซึ่งการถ่ายโอนภารกิจจากกระทรวงสาธารณสุขไปยังท้องถิ่นอาจมีปัญหาเรื่องการดูแล ทั้งนี้ ตนไม่คัดค้าน แต่ต้องตระหนักให้ดี เพื่อไม่ให้กระทบกับการบริการกับประชาชน โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ

ขณะที่ นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ ส.ว.อภิปรายว่า ตนเห็นด้วยในหลักการที่ควรถ่ายโอนภารกิจบางอย่างไม่ใช่ทุกอย่างให้กับ อปท. โดยต้องพิจารณาผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับการบริการ และการรักษาที่ดีขึ้นเป็นหลัก

ส่วน นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ส.ว.อภิปรายว่า การโอนภารกิจ รพ.สต.ให้ อปท. สิ่งสำคัญคือการออกแบบโครงสร้างจังหวัดผ่านคณะกรรมการนโยบายสุขภาพจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ.และทีมแพทย์ร่วมเป็นกรรมการ และมีภาคประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยว่าการถ่ายโอนภารกิจต้องหารือร่วมกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น มหาดไทย สาธารณสุข ให้ชัดเจน เพราะในมิติการถ่ายโอนภารกิจมีหลากหลาย ทั้งการป้องกัน การดูแล และส่งเสริมสุขภาพ

Advertisement

“ผมมีข้อเสนอว่า อปท.ที่พร้อมรับต้องเข้าสู่แผนปฏิรูประดับนโยบาย ระดับจังหวัด ร่วมออกแบบระบบสุขภาพระดับจังหวัด นอกจากนั้นต้องสื่อสารข้อมูลข้อเท็จจริงต่อการโอนภารกิจไปยัง อปท.ระดับเสมอภาคที่ผ่านการคิด ไม่ใช่การออกคำสั่งโอนย้าย ที่สำคัญคือ ประชาชนต้องมีส่วนร่วม มีบางจังหวัดบอกว่าควรถามประชาชนก่อนว่าจะให้โอนย้ายหรือไม่ เพื่อให้เกิดความราบรื่นแทนการเสนอให้ทำ” นายณรงค์กล่าว

ขณะที่ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว.อภิปรายว่า รัฐบาลควรมอบหมายให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เพื่อสร้างกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสังคมต่อกรณีดังกล่าว โดยให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เชื่อว่าภารกิจโอนภารกิจจะไม่มีความขัดแย้งรุนแรง

ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว. อภิปรายว่า ตนสนับสนุนให้โอนภารกิจ รพ.สต.ให้ท้องถิ่นทันที พร้อมระบุว่าอย่าตั้งแง่รังเกียจท้องถิ่น และมองว่านักการเมืองท้องถิ่นมาจากการซื้อเสียง โดยการเลือกตั้ง อบต.ที่ผ่านมาพบว่าประชาชนสามารถคิดและตัดสินใจได้ และพบว่ามีผู้สมัคร อบต.หน้าใหม่จำนวนมากได้รับเลือกตั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image