‘เทพไท’ รับ ‘นิพิฏฐ์’ มาเปิดใจ จะทิ้ง ปชป.จริง เอ่ยปากชวนให้ไปร่วมงานใหม่ด้วยกัน ยืนยันไม่ไป แต่เสียดายพรรคต้องเสียสมาชิกอาวุโส
เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีที่มีกระแสข่าว นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะลาออกจากพรรค โดยรับว่า “เสียดายคุณนิพิฏฐ์ ที่ต้องจากกันไป
ผมเห็นข่าวของคุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในสื่อหลายฉบับแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับข่าวนี้เลย เพราะผมได้พูดคุยปรับทุกข์ทางการเมืองกับคุณนิพิฏฐ์มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้คุณนิพิฏฐ์ก็โทรมาพูดคุยกับผมว่า ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปร่วมงานกับกลุ่มการเมืองใหม่เพี่อจะจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองต่อไป ผมได้ถามสาเหตุถึงการตัดสินใจลาออกจากพรรค เพราะคุณนิพิฏฐ์เป็นสมาชิกเก่าแก่ที่อยู่กับพรรคมาเป็นเวลา 30 ปี มากกว่าตัวผมเสียอีก การตัดสินใจทิ้งพรรคไม่ใช่การตัดสินใจง่ายๆ ต้องมีเหตุผลที่สำคัญมาก
คำตอบก็คือ พรรคไม่ให้เกียรติกับท่านในฐานะสมาชิกอาวุโส และไม่ได้ดูแลเพื่อน อดีต ส.ส.ของพรรคที่สอบตกในครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมาเลย ทำให้ท่านหดหู่ใจ เพราะไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเพื่อน อดีต ส.ส.ที่ท่านเคยดูแลรับชอบ สมัยท่านเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ คุณนิพิฏฐ์ได้บอกว่าที่โทรมาพูดคุยกับผมเพื่อบอกกล่าวความในใจ ก่อนที่จะไปอำลากับท่านอภิสิทธิ์ และท่านชวนต่อไป
ผมรู้สึกเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องสูญเสียสมาชิกคนสำคัญไปอีกคนหนึ่ง เพราะคุณนิพิฏฐ์คือ ส.ส.ของพรรคที่สู้ในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างดุเดือด อภิปรายได้อย่างแหลมคมคนหนึ่ง สภาชุดนี้ขาดคุณนิพิฏฐ์ไปก็ทำให้ขาดสีสันทางการเมืองไปพอสมควร สุดท้ายคุณนิพิฏฐ์ได้บอกผมว่า ถ้าหากพรรคไม่ให้ความสำคัญก็ยินดีชวนไปร่วมงานกับท่านได้
ซึ่งผมได้ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า แม้ผมจะเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคประชาธิปัตย์ ความเห็นหรือเสนอแนะของผมไม่มีน้ำหนัก ไม่มีความหมาย และไม่มีใครให้ความสำคัญ หรือนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติเลยก็ตาม แต่ผมเคารพวิถีทางประชาธิปไตยภายในพรรค ถ้าเสียงข้างมากในพรรคมีมติออกมาเช่นไร ผมก็ยอมรับมตินั้น แต่ยืนยันว่าสิ่งที่ ผมแสดงความคิดเห็นทั้งหมด ตั้งอยู่บนจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น ผมได้นำเอาอุดมการณ์ของพรรคเป็นเกราะป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้ใครมาตำหนิ หรือกล่าวหาผมได้ว่าทรยศต่ออุดมการณ์ของพรรคได้ คนที่ละเมิดอุดมการณ์ของพรรคต่างหากที่ควรจะได้รับการตำหนิ และการประณามจากสมาชิกพรรคมากกว่า
ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ผมเกิดทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์คือพรรคสุดท้ายของผม”