สภารุมถล่ม ป.ป.ช. บอกเป็นองค์กรที่ ปชช.ตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสมากที่สุด ‘วิโรจน์’ ถาม ป.ป.ช.ย่อมาจาก ‘ปกป้องคนชั่ว’ หรือ ‘ปกปิด ปชช.’ ด้าน ‘โรม’ จี้ปมงูเห่า งง ป.ป.ช.ไม่ทำอะไรเลยหรือ แล้วจะปราบคอร์รัปชั่นได้ไง
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณารับทราบรายงานผลการตรวจสอบ และผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563
โดย นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) อภิปรายว่า ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.จำนวนมาก ประมาณ 9,000 กว่าเรื่อง และคิดว่าจำนวนเรื่องร้องเรียนจะมากขึ้นในอนาคต จำนวนคดีที่มากขึ้นนี้ไม่ใช้ตัวชี้วัดการทำงาน แต่การทำให้ประชาชนเข้าใจใน พ.ร.บ.ป.ป.ช.จนมีเรื่องร้องเรียนน้อยลงต่างหากที่เป็นเป้าหมายของ ป.ป.ช. 1.ตนเสนอให้สำนักงาน ป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการคัดกรอง และแยกประเภทก่อนเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งต่อให้คณะอนุกรรมการสอบสวน เพื่อป้องกันการร้องที่กลั่นแกล้ง และคู่ขัดแย้งทางการเมืองที่ใช้องค์กรของท่านเป็นเครื่องมือทำลายคู่ต่อสู้และคู่แข่งทางการเมือง 2.เสนอให้ ป.ป.ช.เชิดชูหน่วยงาน องค์กรที่มีหลักธรรมาภิบาล
นายณัฏฐ์ชนนกล่าวว่า 3.ให้ ป.ป.ช.เผยแพร่ความรู้และกฎหมายให้ประชาชน และ 4.ป.ป.ช.ต้องพิจารณาลงโทษบุคคลที่มีข้อมูลข้อเท็จจริงกลั่นแกล้ง หวังผลทางการเมือง ทำลายคู่ต่อสู้ โดยถ้าพิสูจน์ได้ว่าถ้าเขากลั่นแกล้งต้องมาแก้กฎหมายเพื่อเอาผิดคนที่กลั่นแแกล้งผู้อื่น ทั้งนี้ ตนในฐานะ ส.ส.ที่ตั้งใจทำงานให้ประชาชนโดยสุจริต ไม่อยากให้ ป.ป.ช.มาด้อยค่าโดยไม่เป็นธรรม
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ในบรรดาองค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐธรรมนูญปี 40 ป.ป.ช.ถือเป็นองค์กรอิสระอันดับต้นๆ ที่มีคำถามจากสังคมมากที่สุดเรื่องความโปร่งใส ความเป็น และการใช้อำนาจในการบิดเบือนกฎหมายรับใช้ผู้มีอำนาจรัฐ เช่น กรณีการเข้ารับตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งเรื่องนี้ค้านต่อความรู้สึกของนักการเมืองทั้งสภาแห่งนี้ ต่อมาคือเรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ตนของฝากไปถึง ป.ป.ช.ว่าต่างหูมุกที่ตนใส่วันนี้เป็นของคุณแม่ กระเป๋าที่ใช้วันนี้และที่สลับใช้หลายๆ ใบเพื่อนให้ยืมมา ตนขอบคุณบรรทัดฐานของ ป.ป.ช.ที่ได้สร้างบรรทัดฐานให้ตนสบายใจในการหยิบยืมข้าวของเครื่องใช้จากเพื่อนๆ
นางอมรัตน์อภิปรายต่อว่า ป.ป.ช.มีอำนาจล้นเหลือ มีอำนาจที่จะตรวจสอบองค์กรอิสระด้วยกันเองยังได้ คิดว่าถ้าท่านเพียงกล้าใช้ดาบอาญาสิทธิ์ที่ท่านมีในมือจะเกิอดผลดีต่อประเทศชาติเรามากมาย ในรายงานฉบับนี้ ตนเห็นว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลขณะนี้ถูกชี้มูลความผิด คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำนวน 2 เรื่อง และรัฐมนตรีมหาดไทยในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อีก 1 เรื่อง เป็นเรื่องของรัฐวิสาหกิจไม่กี่เรื่อง นอกนั้นจะเป็นเรื่องปลาซิว ปลาสร้อย ตนอยากเห็นท่านแสดงความกล้าหาญ และผลงานในการจับทุจริตองค์กรที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เช่น กอ.รมน. กองทัพทั้งหลาย ทั้งบก เรือ อากาศ ซึ่งตนไม่เคยได้เห็นผลงานของ ป.ป.ช.ในส่วนนี้เลย
นางอมรัตน์กล่าวว่า มีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อใช้ในการสลายชุมนุม เรื่องนี้ชี้เป้าให้ท่านไปตรวจสอบดูว่าเงินที่ใช้ไปนี้ตรงไปตรงมาหรือไม่ ในบรรดาเรื่องร้องเรียนเกือบหมื่นเรื่อง ตนเชื่อว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับกองทัพ หรือหน่วยงานความมั่นคงจำนวนมาก แต่ไม่ทราบว่าไปตกหล่นอยู่ตรงไหนอย่างไร ตนจึงไม่เคยเห็นผลงานการชี้มูลความผิดเลย นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังใช้เงินจากภาษีประชาชนกว่า 7 ล้านบาท ออกแคมเปญพูดหยุดโกงที่มีการจ้างดารามาร่วมโพสต์ข้อความจำนวนมาก ท่านได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ซึ่งตนต้องพูดเรื่องนี้ เพราะงบประมาณของปีนี้ยังมีการใช้งบประมาณประเภทนี้อีกเป็นจำนวนถึง 94 ล้าบาท เช่น โครงการบ่มเพาะความดี ทำมาแล้ว 11 รุ่น ขอถวามว่าได้คนดีมาแล้วกี่คน โครงการนิวเจนต้านทุจริต โครงการพิมพ์หนังสือหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา กับหลักสูตรต้านทุจริตที่ใช้งบกว่า 10.5 ล้านบาท ท่านพิมพ์แบ่งแจกใครบ้าง ลอกเอาไปแบ่งแจกทำเนียบดูบ้างดีหรือไม่ ฯลฯ จากประสบการณ์ที่ท่านำงบจากภาษีประชาชนไปใช้ออกแคมเปญพูดหยุดโกงทำให้ไม่ไว้วางใจการใช้งบของท่านในส่วนนี้
“ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ ได้ทั้งหมด ดิฉันถามว่าแล้วใครตรวจสอบพวกท่าน นอกจากพวกดิฉันที่อยู่ในสภาแห่งนี้ และเจอหน้ากันปีละครั้ง” นางอมรัตน์กล่าว
ต่อมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายว่า รู้ว่า ป.ป.ช.รู้ว่าตนเสนอแนะท่านด้วยความสุจริตใจ สิ่งที่ได้เสนอแนะคือสิ่งที่ ป.ป.ช.ต้องเอาไปปรับปรุงตนเอง ไม่อย่างนั้นก็จะถูกประชาชนค่อนขอด และตั้งคำถามกับท่านต่อไปว่า ป.ป.ช.นี้ย่อมาจากคำว่า ปกป้องคนชั่ว หรือปกปิดประชาชนกันแน่
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เราเสียเงินงบประมาณมหาศาลเพื่อคาดหวังกับองค์กรอย่าง ป.ป.ช.ในการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ แต่พบว่าการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนและครอบคลุม ตัวอย่างเวลาที่เรามีการอภิปรายในสภาหลายเรื่อง ที่มีการเปิดเผยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นทำไม ป.ป.ช.ถึงไม่ทำอะไร หรือตอบสนองสิ่งที่ผู้แทนประชาชนอภิปรายเลยแม้แต่น้อย อย่างกรณีป่ารอยต่อ ตนได้อภิปรายไม่ไว้วางใจโดยอภิปรายนอกสภา แต่ก็เป็นกรณีที่มีการพูดคุยอย่างวงกว้างในสังคม แล้วเหตุใด ป.ป.ช.ถึงไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้ อย่างกรณีในรูปที่โชว์คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและประธานมูลนิธิป่ารอยต่อ ได้ใช้ทรัพย์สินของราชการเพื่อไปปฏิบัติภารกิจของมูลนิธิแล้วมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจำนวนมากออกมาต้อนรับ คำถามที่สำคัญคือทำไมตั้งแต่ตนอภิปรายไป ป.ป.ช.ไม่ทำอะไร
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า กรณีเรื่องตั๋วช้าง เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้มีมูลและความสำคัญ ไม่ใช่แค่กับคนไม่กี่คน แต่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตรวจ คำถามคือ ป.ป.ช.ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้หรือไม่ และเคยได้ตรวจสอบหรือไม่ หรือกรณีดาวเทียมไทยคมว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบอะไรหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ไม่เข้าใจว่า ป.ป.ช.ที่รับงบประมาณมหาศาลจากภาษีของประชาชนทำไมถึงได้ทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพแบบนี้
“กรณีข่าวงูเห่ารับเงินรับทอง บางกรณีมีคลิปเสียง ป.ป.ช.เคยตรวจสอบหรือไม่ อยู่ดีๆ นักการเมืองที่มาจากประชาชนย้ายไปอยู่อีกพรรคหนึ่ง ป.ป.ช.ไม่ทำอะไรเลยหรือ หาก ป.ป.ช.ยังเป็นแบบนี้ แล้วจะปราบคอร์รัปชั่นได้อย่างไร สิ่งที่เห็นในรายงานคือเอาไว้ประชาสัมพันธ์ด้านเดียว โดยไม่ได้พูดถึงความเสียหายในสิ่งที่ไม่ได้ทำ” นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมกับโยนเล่มรายงานของ ป.ป.ช.ทิ้ง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) อภิปรายว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระที่หมายถึงต้องอิสระในการปฏิบัติ หน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ท่านต้องกล้าหาญและปราศจากอคติในการใช้ดุลพินิจ ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ถูกตั้งข้อสงสัยว่าท่านมีความกล้าหาญหรือไม่ เนื่อจากที่มาของท่านบางส่วนมาโดย คสช. การทุจริตเป็นภัยร้านแรงต่อสังคม โดยเฉพาะการทุจริตเงินที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ ท่านจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าสังคมไทยยังมีการทุจริต อย่าหวังเลยว่าเราจะพัฒนาประเทศไปได้
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ฝากให้ท่านดูแลงบประมาณแผ่นดิน การป้องกันอาชญากรรม ย่อมสำคัญกว่าการลงโทษอาชญากร วันนี้คนที่ทำร้าย ป.ป.ช.คือคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือข้าราชการใน ป.ป.ช.ที่ไม่ฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้กล่าวมา สิ่งสำคัญที่สุดที่ท่านต้องทำคือการคัดเลือกคนเข้ามาเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำอย่างไรท่านสามารถคัดเลือกคนที่มีคุณภาพ สัตย์ซื่อ และรักความยุติธรรมเข้ามาได้
จากนั้น พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า ปี 2563 เป็นปีแรกที่เราได้รับงบประมาณมา เจตนารมณ์ของการมีกองทุนฯเพื่อแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน ดังนั้น กิจกรรมใดก็ตามที่เราเห็นว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นเตือนให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ทำ ไม่ทน และไม่เฉย ต่อความทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช.เราก็จะสนับสนุนโครงการก็ยอมรับว่าการดำเนินโครงการบางครั้งอาจจะไม่ถูกต้อง 100%
พล.ต.อ.วัชรพลชี้แจงว่า ในปี 2564 เราได้รับงบประมาณ 100 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์คือการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น ตร. ป.ป.ท. ฯลฯ โดยวันนี้นโยบายของ ป.ป.ช.คือต้องดำเนินการรื่องที่ร้ายแรง เรื่องที่ไม่ร้ายแรงเราต้องมอบให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านการปราบปรามการทุจริต ซึ่งการมอบงานให้หน่วยงานต่างๆ ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งบางหน่วยงานงบประมาณอาจจะไม่เพียงพอ กองทุนตรงนี้ก็จะเป็นประโยชน์ ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาข้อมูลสถิติคำกล่าวหาร้องเรียนที่เข้ามายัง ป.ป.ช. มีจำนวน 2,000 เรื่อง ซึ่งถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563
“ยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมากระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.อาจล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากมีกระบวนการบางอย่าง แต่ขณะนี้กระบวนนั้นได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว และแนวโน้มคำกล่าวหาที่เข้ามาลดลง ซึ่งหากลดลงต่อเนื่องเราก็จะสามารคลี่คลายจำนวนคดีที่ค้างอยู่ได้ วันนี้เราพยายามเคลียร์เรื่องเก่า อย่างไรก็ตาม เรื่องเงินกองทุนที่ท่านแสดงข้อห่วงใยมาผมก็น้อมรับ และจะนำไปดำเนินการแก้ไข” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สิน วันนี้เราพยายามปรับปรุงกฎหมาย กรณีที่มีการท้วงติงว่าทำไม ป.ป.ช.ไม่ยอมให้ผู้ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ยื่นไว้เพื่อเป็นหลักฐานเปิดเผย เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้จริงๆ ไม่ใช่ ป.ป.ช.ไม่ยอมสนองตอบตามคณะกรรมการตามกฎหมายอื่น แต่กฎหมาย ป.ป.ช.เป็นเช่นนั้น แต่ความห่วงใยนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เสนอร่างแก้ไขกฎหมายมาตรานั้นแล้ว ดังนั้น ต่อไปผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เปลี่ยนชุดเข้ามาดำรงตำแหน่งจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน และเมื่อยื่นแล้วผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องเปิดเผยให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ
“เรื่องนี้ คณะกรรมการป.ป.ช.ไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้กฎหมายในเรื่องจงใจไม่ยื่น หรือจงใจปกปิดได้เปลี่ยนบริบทไปให้มีลักษณะไต่สวนเพื่อพิสูจน์ว่าเขาจงใจไม่ยื่น และหากตรวจสอบแล้วไม่สามารถชี้แจงถึงทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น หรือหนี้สินที่ลดลงได้ เราจะต้องดำเนินการเรื่องร่ำรวย เราจะดำเนินการนำเงินที่ท่านได้ไปโดยมิชอบนั้นกลับคืนสู่แผ่นดิน
“สุดท้าย เราพยายามคัดเลือกคนเข้ามาทำหน้าที่ ป.ป.ช.แบบกล้าหาญ เที่ยงธรรม และปราศจากอติในการใช้ดุลพินิจ เราต้องทำ และไม่ใช่แค่ ป.ป.ช. แต่ทุกคนที่ทำหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมต้องทำ” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว ประธานได้สั่งปิดการประชุมเวลา 20.38 น.