‘อมรัตน์’ เย้ย ‘คารม’ หลังไม่กล้าบอกสังกัดพรรค ก่อนเปิดศึกสาวไส้ ถ้าไม่เคารพมติพรรคก็ให้ ปชช.ตัดสิน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาศึกษารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล เป็นประธาน
โดยในช่วงหนึ่งของการอภิปราย นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเนื้อหาของรายงาน แต่ได้กล่าวพาดพิงถึงการไม่เคารพความเห็นต่างจากบางกลุ่ม บางฝ่าย ที่พบการโจมตีในคลับเฮาส์ หรือโซเชียลมีเดียแบบไม่ให้เกียรติ ซึ่งถือว่าเป็นการไม่เคารพความคิดเห็น และละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น
ทำให้ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคก้าวไกลได้ลุกขึ้นตอบโต้ โดย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.ตั้งข้อสังเกตว่า นายคารมไม่ยอมแนะนำตัวให้สมบูรณ์ เพราะไม่ได้บอกว่ามาจากพรรคการเมืองใด
ขณะที่ นายณัฐชา กล่าวว่า ขอขอบคุณนายคารม แต่ที่ฟังคำเสนอแนะ ทราบว่าเป็นนักกฎหมาย และตนเป็นนักการเมือง พร้อมตอบแทนชาวบางขุนเทียน กทม.ที่ให้โอกาส 3.8 หมื่นคะแนนในนามพรรคอนาคตใหม่ แต่เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ ได้จับมือรวมเป็นพรรคก้าวไกล ตนเป็นนักการเมืองไม่อาย แต่นักกฎหมายพูดมาดูดี แต่บางครั้งลืมที่ไปที่มา ตนคิดว่าขอเสนอแนะที่เตรียมมา ก็พูดไป แต่กรณีที่ลุกมาต่อว่าคนอื่นไม่ถูกต้อง
ทำให้ นายคารม ใช้สิทธิพาดพิงว่า ตนเป็นผู้ใหญ่พอ อดทนฟัง แม้จะเสียดสีชัดเจน ตนแสดงความเห็นในฐานะ ส.ส.ต่อรายงานของ กมธ. แต่กรณีที่นางอมรัตน์ระบุว่าตนไม่บอกชื่อพรรค ต้องไปถามกรรมการจริยธรรมพรรคก้าวไกลที่ไม่ให้ตนเอ่ยชื่อพรรค ซึ่งตนเป็นคนว่านอนสอนง่าย จึงไม่เอ่ย อีกทั้งตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ ส.ส.มี 2 ประเภท และการพูดในสภาเป็นเอกสิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องบอกชื่อพรรค
“ความเป็นนักกฎหมายของผมคือเคารพสถาบันบ้านเมือง ไม่ใช่ตะแคง ตัวเองถูก คนอื่นผิด ที่ผมบอกว่า จ.ร้อยเอ็ด เพราะผมเป็นคน จ.ร้อยเอ็ด จะบอกว่ามาจากจังหวัดอื่นไม่ได้ ผมยอมรับว่าเกิดเพราะพรรคอนาคตใหม่ และมาพรรคก้าวไกล ส่วนการไปพรรคไหนเป็นสิทธิ ไม่ต้องมาสอนผม ผมอายุพอสมควร รู้ว่าอะไรควรไม่ควร” นายคารมกล่าว
ทำให้ นางอมรัตน์ โต้ตอบกลับว่า พาดพิงแบบนี้ ไม่ได้ต่อปากต่อคำ คนเราไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่น รายงานของ กมธ.ไม่มีตรงไหนที่ให้ละเมิดสิทธิคนอื่น แม้ไม่เป็นผู้ชุมนุม เป็น ส.ส.หน้าที่สำคัญคือเคารพมติพรรค เมื่อไม่เคารพมติพรรค ก็ต้องไปให้ประชาชนตัดสินใหม่ ตนคิดว่าก่อนเคารพ หรือตระหนักสิทธิประชาชน ขอให้ ส.ส.เคารพมติพรรค ทั้งนี้ ไม่เคยเป็น ส.ส.รุ่นน้องใคร เป็น ส.ส.สมัยแรกเหมือนกัน
จนนายชวนต้องกล่าวตัดบทว่า ที่จริงเป็นปัญหาภายในพรรค ไม่ว่าอย่างไรขอให้ทุกฝ่ายเคารพข้อบังคับการประชุม