รัฐบาลเตรียมลงนามความร่วมมือรอบด้านไทย-ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภายในปี 66

แฟ้มภาพ

รัฐบาลเตรียมลงนามความร่วมมือรอบด้านไทย-ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภายในปี 66

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยเตรียมลงนามร่วมกับประเทศฝรั่งเศสในการจัดทำแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ.2021-2023) ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนและกลุ่มประเทศ G7 (ASEAN-G7 Foreign Ministers’ Meeting) วันที่ 11-12 ธ.ค. 64 ณ เมืองลิเวอร์พูล สหราชอาณาจักร เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ หลังจากไทยและฝรั่งเศส ได้เคยมีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Plan of Action) 2 ฉบับด้วยกัน ฉบับที่ 1 ปี 2547-2551 และฉบับที่ 2 ปี 2553-2557

น.ส.รัชดากล่าวว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะกำหนดแนวทางการกระชับความสัมพันธ์ให้เป็นรูปธรรมและมีความจำเพาะเจาะจงมากขึ้น จึงได้จัดทำโรดแมปซึ่งประกอบด้วยความร่วมมือ 4 ด้าน คือ 1) สันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคง 2) หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน 3) การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน และ 4) ความร่วมมือในประเด็นระดับโลก โดยจำแนกเป็นประเด็นย่อย อาทิ การส่งเสริมความร่วมมือในสาขาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงในการต่อต้านภัยคุกคามระดับภูมิภาคและภัยข้ามชาติ เช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์/การก่อการร้าย การส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนาวัคซีน การอำนวยความสะดวกการจัดตั้งสตาร์ทอัพ การผลักดันให้เกิดการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ทั่วประเทศไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในทั้งสองประเทศ การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน การผลักดันความร่วมมือด้านอาหารปลอดภัยและการปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น

“ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสมีมาอย่างยาวนาน และพร้อมยกระดับสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ตั้งเป้าภายในปี 2566 ซึ่งโรดแมปที่กำลังจะขับเคลื่อนนี้ มีรายละเอียดกิจกรรมที่ระบุอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถปฏิบัติได้จริง และสำหรับความร่วมมือในระดับพหุภาคี ไทยพร้อมยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้า ผ่านการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ที่จะต้องเป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย” น.ส.รัชดากล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image