‘สุทิน’ ซัดรัฐสลายม็อบจะนะ สะท้อนฐานจิตไม่ให้ราคา ปชช. จ่อยื่นกระทู้สดหรือญัตติตอนประชุมสภา

‘สุทิน’ ซัดรัฐสลายชุมนุมละเมิดสิทธิ สะท้อนฐานจิตไม่ให้ราคา ปชช. เตรียมยื่นกระทู้สดหรือยื่นญัตติในการประชุมสภาในสัปดาห์หน้า

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค พท.และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วย น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรค พท. ร่วมกันแถลงท่าทีของพรรค พท.ต่อกรณีสลายการชุมนุมจะนะรักษ์ถิ่น

นายสุทินกล่าวว่า เหตุการณ์สลายชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม จริงๆ มีหลายกรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เริ่มตั้งแต่การชุมนุมของรถบรรทุก การชุมนุมที่ จ.อุดรธานี และเหตุการณ์เมื่อวานกับประชาชนชาวจะนะ 3 เหตุการณ์นี้ชี้ชัดว่ารัฐบาลไม่รับรู้ รับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน ไม่รับรู้ความทุกข์ของชาวบ้าน และไม่ใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบจับเข่าคุยกัน หรือหันหน้าคุยกันกับชาวบ้าน

นายสุทินกล่าวว่า ตรงกันข้ามกลับใช้วิธีเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของประชาชน แล้วหันมาใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ และความรุนแรงเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานชัดเจน เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เฉพาะกรณีของชาวจะนะมีการตกลงกันมาแต่ต้นว่าจะศึกษาโครงการแก้ปัญหานิคมอุตสาหกรรมจะนะ แต่นอกจากรัฐบาลจะไม่ทำตามแล้ว กลับเดินหน้าก่อสร้างต่อ ก็เป็นเหตุชอบธรรมที่ประชาชนต้องมาทวงถาม แต่เมื่อมาทวงถามแทนที่รัฐบาลจะอธิบายชี้แจงและปฏิบัติตามสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายก็ไม่ทำ แต่กลับไปสลายการชุมนุมด้วยวิธีรุนแรงซึ่งไม่ควรทำ ขณะที่ผู้ชุมนุมยังไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือละเมิดกฎหมาย หรือขัดขวางความสงบสุขของสังคม

นายสุทินกล่าวต่อว่า ที่สำคัญที่สุดคือยัดข้อหาว่าฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือเป็นการทำเกินกว่าเหตุ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่สนใจความทุกข์ของชาวบ้าน สำคัญสุดเราได้เห็นเจตนาชัดเจนแล้วว่าการคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ใช้แก้ปัญหาอื่นใดเลย แค่เอาไว้สกัดกั้นประชาชน เชื่อว่ารัฐบาลรู้ดีว่าบริหารมาถึงวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า และประชาชนก็จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ รัฐบาลก็รู้แต่ก็ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้เพื่อกำราบประชาชน ไม่ให้เข้ามาสะท้อนข้อเรียกร้อง หรือบอกกล่าวถึงความเดือดร้อนได้

Advertisement

“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ซึ่งเรายอมไม่ได้ รัฐบาลจะต้องชี้แจง ทราบว่าล่าสุดโฆษกรัฐบาลชี้แจงว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสลายการชุมนุมเมื่อวาน นอกจากนี้ยังบอกว่ากลัวจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ อยากให้สังคมพิจารณาดีๆ ว่าคำอธิบายของโฆษกรัฐบาลฟังขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ เรื่องการเกิดคลัสเตอร์ใหม่เป็นข้ออ้างข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น ส่วนเรื่องที่ว่าชาวบ้านขัด พ.ร.กฉุกเฉินนั้นขัดอย่างไร หากขัดก็คงจะต้องขัดกันอีกเยอะเลยในประเทศนี้

“คุณแค่อยากกวาดชาวบ้านออกจากเส้นทางที่จะมาประชุม ครม.ที่ทำเนียบ ซึ่งไม่มีเหตุผล ไร้มนุษยธรรม ถ้าคุณจะไปประชุมคุณเดินเข้าไปได้ ประชาชนก็ไม่ขัดขวางการประชุมของพวกท่านหรอก ทั้งหมดสะท้อนถึงฐานจิตที่ไม่ให้ราคาประชาชน ถึงไม่รับฟัง ไม่ต้อนรับ ไม่แก้ไขปัญหา จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนท่าทีใหม่และอธิบายกับสังคมอีกครั้ง ขณะที่ฝ่ายค้านจะมีมาตรการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปเพื่อคุ้มครองประชาชน” นายสุทินกล่าว

นายสุทินกล่าวอีกว่า พอเราจะนำความเดือดร้อนไปพูดในสภา รัฐบาลก็จำกัดสิทธิ อย่างสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยขอเลื่อนญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ล้นเกิน และขัดต่อหลักนิติธรรมต่อผู้ต้องขังทางการเมืองขึ้นมาพิจารณา แต่รัฐบาลใช้เสียงส่วนมากตีตก ถือเป็นการจำกัดสิทธิแบบครบวงจร แม้แต่ในสภาก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งน่าห่วงเรื่องสิทธิและความปลอดภัยของประชาชนในอนาคต

Advertisement

“นอกจากรัฐบาลจะไม่รับฟังแก้ไขปัญหา แต่กลับจับกุมคุมขังยัดข้อหา สลายการชุมนุมเกินกว่าเหตุ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงกับพี่น้องเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จึงมีคำถามว่าแท้จริงแล้วการคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลนั้นคงไว้เพื่อสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชนใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลจะต้องมีคำตอบให้ประชาชน พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมเด็ดขาด จะขอพูดคุยกับรัฐบาลในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อาจเป็นการยื่นกระทู้สด หรือยื่นญัตติในการประชุมสภาในสัปดาห์นี้ต่อไป” นายสุทินกล่าว

ด้าน น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำกับประชาชนมือเปล่าด้วยการสลายการชุมนุมของชาวบ้าน อ.จะนะ คือการใช้อำนาจรัฐล้นเกินผ่าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที่ชาวบ้านกลับมาทวงคำสัญญาจากรัฐบาลที่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงผลการเจรจาการแก้ไขปัญหาระหว่างกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ว่าจะศึกษาผลกระทบการก่อสร้างโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยในหนังสือระบุว่าจะมีการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HTA) ซึ่งต้องมีการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ก่อนตัดสินใจเชิงนโยบาย และตั้งตัวกลางที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายร่วมอยู่ในการประเมินนี้ด้วย แต่รัฐบาลไม่ฟัง ทั้งที่มีการลงนามในข้อตกลงอย่างชัดเจนโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์อย่างชัดเจน

น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหานี้กลับถูกมองข้ามไป ไม่ดูดายประชาชน ยิ่งตอกย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่มีความจริงใจแก้ไขปัญหา และไม่ใช่ผู้นำของประชาชน พฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์คือไม่ฟัง ไม่แก้ แต่จับ อยู่กันไปแบบนี้มีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image