09.00 INDEX รูปธรรม เส้นทาง ประชาธิปัตย์ “สมคบ” ขบวนการ รัฐประหาร
คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธพงษ์ ปุณณกันต์ นายถาวร เสนเนียม นายอิสสระ สมชัย นายชุมพล จุลใส พ้นจากความเป็น ส.ส.
มีความหมายอย่างยิ่งในทางการเมือง ไม่เพียงแต่ส่งผลให้นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ หากแต่ยังเท่ากับขยายบทบาทของ กปปส.
เป็นบทบาทของ กปปส.ที่ออกปฏิบัติการเป่านกหวีดขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และมาตรการหนึ่งที่นำมาใช้ก็คือการต่อต้านและขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557
หากย้อนกลับไปทบทวน “ปฏิบัติการ” นี้ของ 5 อดีต ส.ส.แห่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องคำวินิจฉัยให้พ้นจากสมาชิกภาพแห่ง ส.ส.ก็จะประจักษ์ในฤทธิ์เดชแห่งทฤษฎีสมคบคิดทางการเมือง
มิได้เป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดอันริเริ่มและนำหน้าโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพียงผู้เดียว ตรงกันข้าม หากยังลากดึงแกนนำสำคัญหลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ให้ออกมา
ไม่ว่าจะเป็นอดีตหัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคอันเท่ากับเป็นการปูทางและสร้างเงื่อนไขให้เกิด “รัฐประหาร”
ไม่ว่าเหตุผลในการเปิดปฏิบัติการต้าน “การเลือกตั้ง” จะมีรากฐานมาอย่างไรและก่อตัวอย่างไร ตั้งแต่ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ปรากฏออกมา
นั่นก็คือ ความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 มายังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2548
กระนั้น การตัดสินใจครั้งนี้ของชาวพรรคประชาธิปัตย์สะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมรับต่อกฎกติกาอันเป็นพื้นฐานอย่างที่สุดแห่งระบอบประชาธิปไตยถึงกับหันไปใช้กรรมวิธีนอกระบบ
ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำประกาศที่ว่า “ยึดมั่นในหนทางรัฐสภา” เปิดโปงอย่างล่อนจ้อนที่ว่าต้องการนำประชาธิปไตยสุจริต
มาแทนประชาธิปไตยทุจริตว่าเสมือนเป็นน้ำยาบ้วนปาก
คล้ายกับคำวินิจฉัยนี้จะมีผลแต่เพียงต่อ 5 อดีต ส.ส.ซึ่งเป็นคนของ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด
บางส่วนของคนเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “คสช.”
และบางส่วนของคนเหล่านี้เข้าร่วมปฎิบัติการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนมิถุนายน 2562
เท่ากับหายใจร่วมรูจมูกกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา