‘บิ๊กโด่ง’มั่นใจสวมหมวกสางปมไฟใต้ เชื่อทุกหน่วยจับมือทำงานได้ดี ไม่มีเกาเหลา
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 4 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามแต่งตั้งให้เป็นประธานผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่า ต้องรอให้ถูกต้องตามขั้นตอนให้ผ่าน ครม.รับทราบก่อน ตอนนี้รู้อย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น ซึ่งคนอื่นที่มีรายชื่อก็น่าจะทราบแล้วและเตรียมพร้อมที่จะทำงาน เมื่อตั้งเป็นทางการแล้วจะเรียกประชุมคณะผู้แทนชุดนี้ก่อนที่จะลงพื้นที่เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด ส่วนตนจะลงไปติดตามงานในพื้นที่ภาคใต้ให้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการทำงานในหน้าที่ รมช.กลาโหม สำหรับแผนการทำงานจะต้องปฏิบัติไปตามเจตนารมณ์ที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้ โดยคณะทำงานชุดนี้ไปกำกับดูแลและประสานงานเพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ขอให้มั่นใจว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ซึ่งตนคิดแผนงานที่จะต้องทำไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังวลว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีหน้าที่เพียงประสานงานโดยไม่ได้ควบคุมบังคับบัญชา พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ในตัวคำสั่งมาตรา 44 ในเรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ได้ลงไปมีอำนาจสั่งการ แต่ไปในลักษณะของการติดตามงาน ให้คำแนะนำและประสานงานให้เกิดการบูรณาการ ซึ่งแผนงานประจำปี 2560 มีกำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งตนจะแบ่งมอบให้กับกรรมการอีก 12 คน ให้รับผิดชอบในแต่ละกลุ่มงานให้เกิดความชัดเจน เพราะคณะกรรมการขับเคลี่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เดิมมีแผนงานไว้แล้ว 7 กลุ่มงาน ตั้งแต่เรื่องของการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจนถึงแนวทางการเสริมสร้างสันติสุข หากแบ่งครบแล้วจะต้องแบ่งให้กระทรวงอีก
“ผมพยายามทำงานให้ดีที่สุดและคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาทุกรัฐบาลนั้น มั่นใจว่าทุกรัฐบาลตั้งใจ ถ้าไม่ตั้งใจสถานการณ์ต่างๆ ในพื้นที่คงไม่ดีขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ยอมรับว่ายังมีปัญหาอยู่บ้าง ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา แต่อย่าไปพูดว่าสิ่งที่ทำที่ผ่านมาไม่มีประโยชน์ ผมยังเชื่อว่าในแต่ละปีมีการแก้ปัญหามาตลอด เมื่อผมได้รับมอบหมายก็ต้องทำให้ดีขึ้นและจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ” พล.อ.อุดมเดชกล่าว
เมื่อถามว่ามีความเชื่อมั่นการทำงานของกรรมการทั้ง 12 คนหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า คณะทำงานที่แต่งตั้งมานั้นก็มาจากความเห็นชอบของผู้ใหญ่ที่พิจารณาผู้มีประสบการณ์ เท่าที่ดูชื่อจากสื่อนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรืออะไรที่น่าหนักใจ เพราะทุกคนมีประสบการณ์ทั้งนั้น ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าทหารคงไม่ค่อยจะรู้เรื่องนั้น ต้องชี้แจงว่าแต่ละคนดูแลพื้นที่ต่างๆ กันมาแล้วแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่มีแนวทางบูรณาการการทำงานกับทุกกระทรวง ต่อข้อถามว่ารู้สึกกดดันหรือไม่ เพราะสังคมก็จะคาดหวังการทำงานที่จะต้องทำให้สำเร็จเห็นผล พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เป็นธรรมดา เมื่อมีงานและภาระหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบต้องทำให้ดี ไม่ถึงกับกดดันขนาดนั้นแต่จะต้องทำให้ดีขึ้น เมื่อถามว่าเกรงว่าการทำงานจะเกิดเกาเหลาระหว่างหน่วยงานที่มีอยู่เดิมทั้ง ศอ.บต. กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ คปต.หรือไม่ รมช.กลาโหม กล่าวว่า “ยืนยันว่าไม่มี ผมไม่เคยเห็นว่าไม่มีความไม่ลงรอยกันอย่างไร ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี สมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้รับนโยบายมาเป็นปฏิบัติเอง ก็วางระบบงานไว้ที่จะทำให้มีการบูรณาการและทำงานคู่ขนานกันมาตลอดระหว่างหน่วยงาน”
