ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
การเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ส่งผลกดดันรัฐบาล
ให้เร่งจัดเลือกตั้งอย่างแน่นอน
ยิ่งพรรคการเมือง ยิ่งกลุ่มการเมือง หรือแม้แต่ผู้สมัครอิสระเสนอตัว พร้อมกับประกาศนโยบาย
ความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ก็ย่อมสูงขึ้นเป็นลำดับ
ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่ คสช.แต่งตั้ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ
นับแต่ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศไทย ถูกด้อยค่า มีสถานะเป็นเพียงจังหวัดหนึ่ง
ไม่ต่างกับเป็นเขตบริหารราชการส่วนภูมิภาคของประเทศไทย
เพียงแต่เป็นเมืองหลวง
แต่พลันที่มีผู้เสนอตัว เป็นทางเลือก ในตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม. และโดยเฉพาะการนำเสนอนโยบาย
ได้ช่วยปลุกให้ชาวกรุงเทพมหานครตื่นตัว
อยากใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ ด้วยตัวเอง ยกระดับ ออกจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีผู้บริหาร ก็เหมือนกับไม่มีผู้บริหาร
ถูกตั้งคำถามถึงไฟ ความกระตือรือร้นในการทำงาน
ยังมีอยู่หรือไม่
เนื่องจากไม่เห็นรูปธรรมการพัฒนา การเปลี่ยนแปลง ให้เป็นเมืองสมัยใหม่ใดๆ ชัดเจน สมกับฐานะการเป็นเมืองศูนย์กลางการเมืองการปกครอง การพัฒนา ความศิวิไลซ์
อย่างที่ควรจะเป็น
แม้กระทั่งปัญหาพื้นฐาน ฝนตกน้ำท่วม ก็ได้แต่ออกมาขอโทษ น้ำท่วมอันเนื่องมาจากฝนตกก็ออกมาขออภัย
ไม่มีแผนบรรเทา แก้ระยะสั้น ปานกลาง ยาวจนถึงยั่งยืน
ประการสำคัญก็คือ เปลี่ยนตัวไม่ได้
ไม่มีเทอมดำรงตำแหน่ง
ต่างกับ ผู้ว่าฯมาจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯที่เสนอตัวรับใช้ ชาวกรุงเทพมหานคร
ไม่ว่า ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ไม่ว่าใครก็ตามที่ประกาศลงสมัคร ชิงตำแหน่ง มีกติกากำหนดชัดเจน อยู่ในตำแหน่ง 4 ปี
ไม่ดี พูดแล้วทำไม่ได้ เปลี่ยนได้ เลือกใหม่ได้
ทันทีที่มีการเปิดตัวใหม่ จึงทำให้เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาล ให้เร่งคืน คายอำนาจเลือกตั้งผู้ว่าฯโดยเร็ว และอีกทางหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นการเรียกร้อง ความรับผิดชอบต่อผู้ว่าฯแต่งตั้งคนปัจจุบันด้วยเช่นกัน
เพราะไม่ว่าใครก็ตาม น่าเชื่อได้ว่า อยากเห็นการพลิกโฉมกรุงเทพมหานคร
ยิ่งผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ นำเสนอนโยบาย วิชั่นแก้ปัญหา
ไล่มาตั้งแต่เรื่องพื้นๆ ปัญหาซ้ำซาก น้ำท่วม จราจรติดขัด มลพิษ ยันเรื่องใหญ่ ยกชูคุณภาพการศึกษา สาธารณสุข เมืองสวัสดิการที่ทันสมัย ปูทางสร้างอนาคต ลูกหลาน ยกระดับทัดเทียมกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ชาวกรุงเทพมหานครก็ยิ่งตื่นตัวอยากเลือกตั้ง
เนื่องจาก เพียงแค่นำเสนอนโยบายเท่านั้น ก็เกิดประกายความหวัง ที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง
อย่างน้อยที่สุดก็ไม่หยุดนิ่งเหมือนกับปัจจุบัน
ที่ตกอยู่ในสภาพเหมือนกับไม่ต้องรับผิดชอบต่อกรุงเทพมหานคร แต่สนองตอบ-ยึดโยงกับรัฐราชการที่แต่งตั้งมาเป็นด้านหลัก
และยิ่งก้าวไกล พรรค/กลุ่มการเมืองใด เปิดตัวผู้สมัครตามมา เสนอนโยบายแข่งขัน
สร้างบ้านแปงเมืองให้น่าอยู่
เสียงเรียกร้องต้องการ อยากเลือกตั้งโดยเร็ว ก็จะยิ่งกระหึ่มดัง
กดดันรัฐบาล ให้ไม่สามารถ ยื้อห่วง หรือบิดพลิ้วได้อีกต่อไป
ขั้นต่ำต้องยึดตามคำมั่นสัญญา ที่ให้ไว้ มิถุนายน 2565
ถึงเวลาต้องรื้อถอนเอามรดก คสช.คืนไป
ปลดปล่อยกรุงเทพมหานคร เปิดทางอัศวินประชาชน ผู้หาญกล้าอาสา เข้ามาบริหาร พัฒนากรุงเทพมหานคร หน้าตาประเทศไทย โดยเร็ว