‘เรืองไกร’ ส่งเอกสารขอข้อมูลขาดทุนจำนำข้าวจากนายกรัฐมนตรี

‘เรืองไกร’ ส่งเอกสารขอข้อมูลขาดทุนจำนำข้าวจากนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งหนึ่ง สืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวไว้บางส่วนว่า ในปีงบประมาณ 2565 สำนักงบประมาณได้ตั้งงบชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. จำนวน 6.9 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันรัฐบาลยังมีภาระหนี้จากโครงการดังกล่าวที่ต้องชำระคืนให้กับธ.ก.ส. จำนวน 1 แสนล้านบาท องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เตรียมปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ซึ่งยังมีข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และข้าวเปลือกนาปรัง ของรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ที่รอการระบายอีกประมาณ 220,000 ตัน เมื่อเปิดให้มีการระบายจนหมดแล้ว จะทำให้สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำได้ แล้วถึงจะทราบว่ามีผลขาดทุนเท่าไร โดยเบื้องต้นประมาณ 5 แสนล้านบาท จากการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ปีการผลิต 2554-57

กรณีตามข่าวดังกล่าว ทำให้คนของพรรคเพื่อไทย เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคและทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ต่างออกมาแถลงข่าวบางส่วน ดังนี้ นโยบายรัฐมุ่งช่วยเหลือประชาชน ไม่มีคำว่า ‘ขาดทุน’ หรือ ‘กำไร’ เรื่องตัวเลขขาดทุนทางบัญชีที่กล่าวอ้างนั้นเป็นการอ้างถึงยอดรวม 5 ฤดูกาลผลิต ตลอดอายุของรัฐบาลไม่ใช่ปีงบประมาณเดียว การแถลงโจมตีเรื่องการขาดทุนทางบัญชีว่าเป็นผลมาจากการบริหารงานของรัฐบาลพรรค พท.นั้นเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ผลขาดทุนทางบัญชีสูงกว่าที่ควรเป็นและโยนความผิดและให้ร้ายป้ายสีรัฐบาลพรรค พท. เรื่องข้าวค้างสต๊อก 2 แสนตันนั้น เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะมีปัญหาเก็บรักษาไม่ดีจนเสื่อมสภาพ หรือไม่ขายออกทั้งๆ ที่ควรขายออกไปก็เป็นความผิดของรัฐบาลเอง

นายเรืองไกรกล่าวว่า ข้อมูลของทั้งสองฝ่ายจึงไม่สอดคล้องต้องกัน ประกอบกับเป็นเรื่องงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชน และน่าเชื่อว่ารัฐบาลจะมีข้อมูลตามที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าว กรณีจึงมีความจำเป็นต้องขอข้อมูลที่ถูกต้องของทางราชการมาพิจารณาหาข้อยุติและนำไปใช้อ้างอิงในโอกาสต่อไปได้ จึงขออาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 59 ขอให้นายกรัฐมนตรีจัดส่งข้อมูลงบการเงินโครงการรับจำนำข้าว ดังนี้ งบการเงินโครงการรับจำนำข้าว ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 พร้อมทั้งหมายเหตุประกอบงบการเงิน และรายงานผู้สอบบัญชีของ สตง. ว่า งบการเงินแต่ละปีแสดงผลขาดทุน จำนวนเท่าใด มีสต๊อกข้าวคงเหลือเท่าใด เป็นข้าวชนิดใด ปีการผลิตใด ตัดค่าเสื่อมสภาพแต่ละปีเท่าใด ค่าเสื่อมสภาพสะสมแต่ละปีเป็นเท่าใด ใครเป็นหน่วยงานจัดทำบัญชี และ สตง.รับรองงบการเงินโครงการรับจำนำข้าว เมื่อใด อย่างไร และรัฐบาลจัดงบประมาณใช้หนี้ไปเท่าใด ยอดสต๊อกข้าวคงเหลืออีกประมาณ 220,000 ตันตามที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอ้างถึงนั้นเป็นข้าวชนิดใด ปีการผลิตใด ยอดผลขาดทุน และยอดสต๊อกคงเหลือ ยอดหนี้ที่ค้าง ธ.ก.ส. ตามที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอ้างถึงนั้น หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำบัญชี และปิดงบบัญชี

Advertisement

ดังนั้น จึงอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 59 ขอข้อมูลจากนายกฯ เพื่อจะได้ทราบว่า โครงการรับจำนำข้าว มีขาดทุนเท่าใด สต๊อกคงเหลือเท่าใด หนี้คงเหลือ เท่าใด ข้อมูลที่ถูกต้องและมีอยู่จริงนั้นเป็นเช่นไร และจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมต่อไป โดยเช้าวันนี้ ได้ส่งจดหมายไปถึงนายกฯ แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image