‘เศรษฐา’ เทใจให้ ‘ชัชชาติ’ เชื่อคนกรุงเทพฯไม่โง่ ถามเมื่อไหร่จะคืน ปชต.ให้ กทม.
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะมีขึ้นกลางปี 2565 ว่า มองว่าใครแพ้ ใครชนะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง รัฐบาลต้องคืนสิทธิให้ประชาชนในการที่มีสิทธิไปเลือกตั้ง เนื่องจากล่าช้ามา 2 ปีแล้ว จะอ้างว่าบ้านเมืองไม่สงบ ก็ไม่เห็นว่าไม่สงบอะไร เมื่อมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งอย่างถูกต้องแล้ว ทำไมถึงยังไม่มีการเลือกตั้ง
“ผมว่าใครแพ้ ใครชนะ ไม่ว่าจะเป็น ดร.เอ้ (สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์) ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หรือจะเป็นคนใหม่ของพรรคก้าวไกล ผมในฐานะสวมหมวกคนไทย คน กทม.คนหนึ่ง ผมว่าให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แต่ว่าปัจจุบันยังไม่เป็น เพราะยังไม่มีการเลือกตั้ง ต้องมีการเลือกตั้งก่อนใช่มั้ย”
“ส่วนสนามแข่งขันกันจะดุหรือไม่ดุ ผมไม่ทราบ แต่ผมมีความเชื่อว่าคน กทม.ไม่โง่ เขาดูผลประโยชน์ของเมือง กทม.เป็นหลัก คนที่จะทำได้ดีก็ต้องมีส่วนร่วมกับการเข้าใจถึงปัญหา กทม.มาโดยตลอด ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เพิ่งมาดู ต้องเป็นคนที่ไปคลุกคลีกับมวลชน เข้าใจถึงปัญหาอย่างแท้จริง ถึงจะบริการจัดการได้ คนที่ได้รับเลือกผมหวังว่าจะเป็นคนนั้น”
สำหรับงานที่อยากให้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่มาบริหารจัดการ นายเศรษฐาบอกว่า มีหลายอย่าง อย่างเช่น การแก้ปัญหาชุมชนแออัด เรื่องสิ่งแวดล้อม การจราจร น้ำท่วม และการพัฒนาอะไรอีกมากมาย เนื่องจาก กทม.ปัญหามันหยั่งลึกไปหมด
ถามว่าอยากเห็น กทม.เป็นเมืองน่าอยู่ หรืออยากเห็น กทม.มีการเปลี่ยนแปลง นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมว่าประเทศไทยหรือ กทม.ได้เปรียบ เมืองเรามีเสน่ห์ มีวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์อยู่แล้ว อยู่ในที่ตั้งภูมิภาคที่ใช้ได้ ถ้าไม่นับเรื่องปัญหาโควิด-19 เราเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีภูเขา ทะเล สตรีทฟู้ด ด้านความปลอดภัยเราก็ถือว่าดีกว่าหลายเมือง เรื่องการบริหารจัดการเราก็ใช้ได้”
นายเศรษฐายังกล่าวถึงนโยบายที่ว่าที่ผู้สมัครแต่ละคนเริ่มเปิดออกมานั้น ต้องดูกันอีกนาน ซึ่ง ดร.ชัชชาติยังไม่เปิดตัวเต็มที่ แต่ที่ผ่านมาคลุกคลีกับปัญหา กทม.มานานมากแล้วและเตรียมตัวมานาน เข้าใจ เข้าถึงปัญหา
เมื่อถามว่าชอบใครเป็นพิเศษ นายเศรษฐาตอบแบบไม่รีรอ “ผมชอบ ดร.ชัชชาติ เพราะรู้จักแก ซึ่งเป็นคนดี มีความตั้งใจจริง”
ถามว่ามีใครมาจีบไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ ซีอีโอแสนสิริบอกว่า “ไม่มี เพราะผมไม่สนใจ”
นายเศรษฐายังประเมินทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ว่า น่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ เพราะว่าเรื่องของเศรษฐกิจ ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะออกมาดี ยิ่งใกล้เลือกตั้ง รัฐบาลไม่น่าจะปล่อยให้เศรษฐกิจแย่ ต้องดูนโยบายต่อไป
“รัฐต้องมีทั้งมาตรการทั้งกระตุ้นและมาตรการด้านภาษีออกมา ซึ่งมาตรการด้านภาษีเป็นเครื่องมือด้านการเงินการคลังอย่างหนึ่ง นำมาซึ่งความเท่าเทียมและเสมอภาคทางสังคม ถ้าคุณใช้ทรัพยากรของชาติมากก็ต้องจ่ายภาษีสูงหน่อย ไม่ว่าจะเป็นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมรดก ภาษีเพื่อความมั่งคั่ง ควรจะต้องมีการแก้ไขจัดการ” นายเศรษฐากล่าวทิ้งท้าย
