“ภูมิใจไทย” ประชุมใหญ่คึกคัก “อนุทิน” เผย เตรียมพร้อมเลือกตั้งทุกวัน ชูสโลแกนใหม่ “พูดแล้วทำ”
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 ธันวาคม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่อินดอร์สเตเดียม (ชาติชาย ฮอลล์) จ.นครราชสีมา นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขากธิการพรรค พร้อมด้วยรัฐมนตรี ส.ส. และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพียง โดยมีเข้าร่วมประชุมประมาณ1,500 คน ท่ามกลางมาตรกรป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งผู้ร่วมงานทุกคนต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องได้รับการตรวจ ATK ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเข้าร่วมงาน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมดังกล่าวยังพบว่ามีทายาทของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้แก่ นายพิทักษ์ชน ช่างเหลา บุตรชายนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และน.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ บุตรสาวนายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรค พปชร. นายนัจมุดดิน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ (ปช.) และนายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเริ่มการประชุม นายอนุทิน กล่าวปราศรัยต่อสมาชิกพรรคว่า วันนี้ที่ประชุมจะรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค (เพิ่มเติม) และการตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จำนวน 11 คน เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงครึ่งหลังของรัฐสภาแล้ว จึงต้องมีการเตรียมการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดก็ได้ พรรคภูมิใจไทยพูดเสมอ ว่าพรรคพร้อมเลือกตั้งทุกวัน จากนี้ไม่เกิน 15 เดือนต้องมีความพร้อม ดังนั้น การคัดเลือกผู้สมัครถือว่าเป็นหน้าเป็นตา เป็นผู้แทนของพรรค ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีการเพิ่ม ส.ส.เขตอีก 50 เขต รวมเป็น 400 เขต และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งผู้สมัครทั้ง 500 คน จะต้องนำนโยบายของพรรคไปทำความเข้าใจสร้างความเชื่อถือศรัทธากับประชาชน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคที่นำนโยบายที่ประกาศไว้ไปปฏิบัติ สมกับคำพูดที่ว่าพรรคภูมิใจไทย “พูดแล้วทำ” เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เราใช้เวลาเกือบ 3 ปี จากที่ได้รับความไว้วางใจเข้ามาเป็น ส.ส. ได้มีโอกาสบริหารประเทศในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จุดเด่นของพรรค คือการเป็นเอกภาพมากที่สุด เป็นภาคีสมาชิกเคารพกติกา รัฐธรรมนูญ และความคิดเห็นซึ่งกันและกัน มีความสามัคคีจนทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความมั่นคง เป็นเสาค้ำระบบรัฐสภาให้มีความแข็งแกร่ง และมั่นใจว่าพรรคการเมืองในสาระบบ ที่มีความเป็นเอกภาพ เป็นปึกแผ่น จงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชนที่สุด ทุกโพลจะต้องมีพรรคภูมิใจไทย เพราะเราพูดแล้วทำสิ่งที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน ที่เราหาเสียงไว้ว่าทำได้เร็วและทำได้เลย ไม่ทำนโยบายที่เพ้อฝันเอาใจประชาชน นโยบายของพรรคถูกสร้างขึ้นจากการเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง นโยบายที่เคยประกาศไว้ เราทำเคร่งครัดไม่เคยเปลี่ยนแม้จะขัดใจใครก็ตาม แต่เราไม่พูดไปเรื่อยหรือดีแต่พูด เรารับผิดชอบคำพูดทุกเรื่อง และทำทุกเรื่องที่พูดให้เป็นจริงจับต้องได้ เช่น นโยบายกัญชาที่ถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด การผลักดันกัญชงกัญชา สิ่งเหล่านี้มุ่งหวังเพื่อให้ประชาชนมีรายได้
“ใครร่วมงานกับเราไม่ต้องเหลียวหลัง ไม่มีแทงข้างหลัง ถ้าอยู่กันดีก็อยู่กันไปเรื่อยๆ ใครไม่ดีก็อยู่เป็นรอบๆ จะให้พวกมากลากไปไม่ได้ พรรคมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมาสั่งได้นอกจากประชาชน นายของพรรคภูมิใจไทยคือประชาชน พรรครักษาคำพูดเสมอ เชื่อว่านักการเมืองและพรรค ได้รับการยอมรับและได้ความเชื่อถือจากประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า เราเข้ามาบริหารกระทรวงสาธารณสุข เจอสถานการณ์โควิด-19 ก็ใช้สถานการณ์นี้ขอความร่วมมือจากประชาชน และความร่วมมืออันดีกับบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ภายใต้การควบคุมได้ มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าอัตราค่าเฉลี่ยของโลกถึง 1 เท่าตัว ลดการสูญเสีย เพราะมีระบบสาธารณสุขที่ดี เราต้องดูแลสุขภาพประชาชน ประเทศจะก้าวหน้าไม่ได้ถ้าประชาชนสุขภาพไม่ดี เราทำทุกทางจัดหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งวัคซีน ยารักษาโรค และการบริการต่างๆ เพื่อยุติวิกฤตโควิด วันนี้ประชาชนรับวัคซีนแล้ว 100 ล้านโดส นี่คือคำว่าวัคซีนเต็มแขน ส่วนปีหน้าประชาชนจะได้รับวัคซีนบูสเตอร์จนกว่าโควิด-19 จะหายไป วันนี้ประชาชน 6 ล้านคน ได้เข็ม 3 แล้ว ต่อไปต้องทำให้ทั้ง 70 ล้านคน ที่ต้องได้รับเข็ม 3 ในขณะที่หลายประเทศยังฉีดเข็ม 2 อยู่