‘กมธ.อุ้มหายฯ’ เผย พิจารณาร่าง พ.ร.บ.เสร็จแล้ว หวัง รัฐสภาช่วยกันหนุน ยัน ให้ความเป็นธรรมปชช.-จนท.
เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 22 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. … สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และคณะกมธ. แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว โดยนายชวลิต กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเสร็จแล้ว ซึ่งได้ประชุมมาทั้งหมด 29 ครั้ง กฎหมายฉบับนี้ได้รับความสนใจจากประชาชน สื่อมวลชน และองค์กรต่างประเทศ กมธ.จึงมีความตั้งใจที่จะทำกฎหมายฉบับนี้ให้อนุวัติไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยได้ลงนามเป็นภาคีสมาชิกไว้ นอกจากนี้ สิ่งที่กมธ.ให้ความสำคัญ คือ การรับฟังความเห็นจากประชาชน และได้นำข้อคิดเห็นต่างๆ มาพิจารณาด้วย
นายชวลิต กล่าวต่อว่า กมธ.มีความตั้งใจร่างกฎหมายเพื่อป้องกัน 2 ส่วนคือประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ในกฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ในการทำให้บุคคลสูญหาย ขณะเดียวกันหากเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยชอบก็เป็นกรอบป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน เช่น เรามีมาตรการเวลาลงไปจับกุมจะต้องมีกล้อง มีการแจ้งฝ่ายปกครองและพนักงานอัยการที่จะร่วมดำเนินการในการจับกุม ซึ่งการมีกล้องไม่อาจจะอ้างได้ว่ากล้องสูญหายหรือไม่มีประสิทธิภาพ เรื่องเหล่านี้เราไม่ได้เริ่มขึ้นใหม่ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้มีคำสั่งอยู่แล้ว เพื่อป้องกันการถูกร้องเรียนกล่าวหาว่าไปดำเนินการโดยไม่ชอบ โดยกมธ.นำมาบัญญัติไว้ในกฎหมายฉบับนี้ด้วย
นายชวลิต กล่าวอีกว่า เราให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมของประชาชนที่จะต้องได้รับจากกฎหมายฉบับนี้ ขณะเดียวกันราชการก็จะได้รับความเป็นธรรมหากดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม ตนหวังที่จะเห็นกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้โดยผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ทั้งนี้ อาจจะมีความวิตกกังวลหากเห็นว่าร่างกฎหมายฉบับนี้มีการแก้ไขมาก โดยร่างกฎหมายฉบับนี้เสนอต่อสภา 4 ฉบับ ทั้งของคณะรัฐมนตรี (ครม.) กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ และคณะ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ โดยปกติสภาจะใช้ร่างรัฐบาลเป็นหลักในการพิจารณา ซึ่งร่างของกมธ.มีตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง และได้รับข้อสังเกตจากแต่ละพรรคว่าจะดูแลประชาชนและข้าราชการอย่างไร ดังนั้น จึงมีการแก้ไขมาก หวังว่าส.ส.แต่ละพรรคคงจะไปทำความเข้าใจในพรรคของท่านว่าอย่าตกใจกับสิ่งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหลายประเด็น เพราะหลักที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้นล้วนเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าด้วยความร่วมมือไม่ว่าจะจากพรรคการเมือง บุคลากรต่างๆ และกระทรวงยุติธรรม ที่ถึงแม้จะมีความเห็นที่ต่างกันบ้างแต่สุดท้ายก็สามารถขับเคลื่อนและทำให้ร่างที่มีคุณภาพเช่นนี้ออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ตนคาดว่าในห้องประชุมใหญ่ของสภาฯ เราจะยังได้รับการสนับสนุนเช่นนี้ต่อไป กรณีที่เกิดขึ้นที่ จ.นครสวรรค์ คือตัวอย่างหนึ่งของฟางเส้นสุดท้ายที่เราต้องลงมือผ่านร่างกฎหมายที่จะมีคุณูปการและคุณค่าในสังคม
เมื่อถามว่า กระบวนการและกรอบเวลาหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายชวลิต กล่าวว่า กมธ.จะพิจารณาร่างรายงานในวันที่ 5 มกราคม 65 ก่อนส่งให้สภาฯ เพื่อนำเข้าสู่ระเบียบวาระต่อไป แต่ต้องดูว่าวาระในเรื่องที่กมธ.พิจารณาเสร็จแล้วมีเรื่องค้างพิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่มีเรื่องค้างพิจารณาเราก็จะถูกนำพิจารณาเป็นเรื่องแรก จากนั้นเมื่อสภาฯ พิจารณาเห็นชอบก็จะส่งไปยังวุฒิสภาต่อไป ก่อนบังคับใช้เป็นกฎหมาย
เมื่อถามว่า คาดหวังว่าจะผ่านวาระสามในสมัยประชุมสภาฯ นี้หรือไม่ นายชวลิต กล่าวว่า เราตั้งใจแบบนั้น การที่ กมธ.เพิ่มวันประชุมเพื่อให้พิจารณาอย่างความรอบคอบ และหวังให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนและข้าราชการ หากเขาปฏิบัติหน้าที่โดชอบด้วยกฎหมายก็จะเป็นกรอบคุ้มกัน ส่วนจะมีผลเอาผิดย้อนหลังหรือไม่ โดยหลักกฎฆมายแล้วไม่สามารถทำได้
