ถอดรหัสศึกเลือกซ่อม เวทีวัดเรตติ้ง‘รบ.-ฝ่ายค้าน’

ถอดรหัสศึกเลือกซ่อม เวทีวัดเรตติ้ง‘รบ.-ฝ่ายค้าน’

ถอดรหัสศึกเลือกซ่อม
เวทีวัดเรตติ้ง‘รบ.-ฝ่ายค้าน’

หมายเหตุ – ความเห็นนักวิชาการประเมินภาพรวมสถานการณ์เลือกตั้งซ่อมที่ จ.สงขลา จ.ชุมพร และเขตหลักสี่ สะท้อนภาพการเมืองรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ อย่างไร


สุขุม นวลสกุล
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์
อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 สนามในพื้นที่ภาคใต้จะแข่งกันรุนแรง แต่แปลกใจพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ส่งผู้สมัครลงที่ชุมพร แกนนำพรรคให้เหตุผลว่าไม่ใช่พื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรค ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.รายเดิมของพรรคเตรียมตีจาก แต่ไม่แน่ว่าแกนนำพรรคอาจจะกลับลำส่งเลือกตั้งซ่อมอีกก็ได้ ยังไม่แน่

Advertisement

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้ส่งลง คงพยายามสร้างภาพว่าไม่ทะเลาะกับใคร ทั้งที่มีเป้าหมายจะเพิ่มเก้าอี้ ส.ส.ภาคใต้เพื่อเอาไว้เสริมแกร่งในการเลือกตั้งทั่วไป แต่ลึกๆ แล้ว ภท.คงไม่ต้องการสู้ในฐานะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เคยร่วมหัวจมท้ายร่วมรัฐบาล เคยประกาศว่าจะไปไหนก็ไปด้วยกัน

ที่แปลกกว่านั้นทำไม พปชร.มอบหมายให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ไปคุมเลือกตั้งซ่อมที่สงขลา เดิม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พยายามทำหน้าที่เพื่อเพิ่มจำนวน ส.ส.ภาคใต้ให้กับพรรค แต่การส่งนายสุชาติคุมเลือกตั้งซ่อม จ.สงขลา ดูเหมือนจะยอมให้พรรคคู่แข่งหรือไม่ คงมีคนแอบคิดว่าพรรคจะเอานายสุชาติไปฆ่าทางการเมืองหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ถูกมองว่าจะไปทำหน้าที่เลขาธิการพรรค

แต่ไม่ว่าพรรคไหนจะส่งผู้สมัครลงแข่งหรือไม่ วันนี้ ปชป.ถ้าแพ้ถือว่าเรื่องใหญ่ ทำให้ในพรรคกดดัน เดิมพันสูงในการเลือกตั้งซ่อม หากผลการเลือกตั้งซ่อมแพ้ทั้งหมด แสดงว่าการใช้วาทกรรมเลือดใหม่ไหลเข้า เลือกเก่าไหลกลับคงใช้ไม่ได้ แต่ล่าสุดเปลี่ยนรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้เป็น นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ก็คงต้องรีบโชว์ผลงานในสนามเลือกตั้งซ่อม แต่การเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 สนามอาจจะซูเอี๋ยกันหรือไม่

เพราะ พปชร.ไม่ยอมส่งผู้สมัครที่ชุมพร งานนี้ประชาชนคงไม่เชื่อว่าไม่ใช่การซูเอี๋ย แต่ลึกๆ เชื่อว่าคงมีสัญญาใจกันไว้ อาจให้รอถึงเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ผู้สมัครของ พปชร.ที่ชุมพรจะกลับมาใหม่ ส่วนสนามเลือกตั้งซ่อมที่สงขลา พปชร.ก็ควรจะเดินหน้าสู้ให้เต็มที่ แต่ดูทรงแล้วเหมือนจะไม่อยากสู้

เป็นสิ่งท้าทายคนภาคใต้พอสมควร และขอยืนยันว่าการเลือกซ่อมครั้งนี้จึงเป็นภาระหนักของ ปชป.

ถ้าเป็นไปตามที่ประเมินไว้อาจโดนประชาชนสั่งสอน อย่าเห็นว่าผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะอะไรก็ได้เสมอไป ไม่ควรจะอ้างถึงมารยาททางการเมือง ขณะที่ประชาชนยังมีทางเลือกจากตัวแทนพรรคกล้า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ส่งผู้สมัครลงสนามเพื่อสู้จริง แม้ว่าอาจจะยังไม่ชนะ แต่คงต้องการสำรวจฐานคะแนนนิยมหลังจากรัฐบาลนี้บริหารงานไปแล้วมากกว่า 2 ปี

ส่วนสนามเลือกตั้งซ่อมที่เขตหลักสี่ กทม.น่าสนใจยิ่งกว่า 2 จังหวัดภาคใต้ ต้องดูว่า ปชป.จะส่งพื้นที่เดิมของ พปชร.หรือไม่ เชื่อว่าต้องส่งผู้สมัครแน่นอน เพราะการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 ไม่มีที่นั่งใน กทม. ขณะที่พรรคเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.แล้ว ก็ควรจะส่งผู้สมัครไปสำรวจฐานคะแนนนิยม

ปชป.เคยดักคอพรรคอื่นลงเลือกตั้งซ่อมในภาคใต้ให้คำนึงถึงมารยาท คงต้องรอดูว่า ปชป.ส่งผู้สมัครลงเลือกซ่อมในเขตหลักสี่ แกนนำ ปชป.จะให้เหตุผลหล่อๆ อย่างไร เมื่อถึงเวลานั้นอาจให้คนของพรรคที่ไม่ใช่คนที่พูดเรื่องมารยาททางการเมืองให้เหตุผลเท่ๆ ว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ต้องดูว่าสนามเลือกตั้งซ่อมใน กทม.พปชร.จะใช้บริการของ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ หรือถ้าพลาด ร.อ.ธรรมนัสก็คงต้องทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะเชื่อว่ามีคนในพรรคจ้องรอเหยียบ

เมื่อประเมินทั้ง 3 สนามเลือกตั้งซ่อมจะพบว่ามีลักษณะพิเศษ บางสนามจะเป็นการต่อสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาลแต่ไม่ดุเดือด เพราะว่าพรรคฝ่ายค้านก็คงดูแล้วว่าสภานี้ไม่รู้จะอยู่ได้นานอีกแค่ไหน ที่สำคัญในจังหวัดภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังขายได้ อย่าลืมว่าคนในภาคใต้จำนวนไม่น้อยที่ช่วยล้มรัฐบาลในยุคก่อนทำรัฐประหารในปี 2557

พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ทั้ง 2 สนามเลือกตั้งซ่อมในภาคใต้เชื่อว่าจะต่อสู้กันจริง แม้ว่าเวลาของสภาจะเหลือไม่มาก แต่ทุกพรรคต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรี มองถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป สงขลาเป็นฐานที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ต้องการยึดให้ได้ เป็นการพิสูจน์ฝีมือของนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคคนใหม่คุมภาคใต้ ถ้าแพ้ในจังหวัดตัวเองก็จะกระทบมาก พรรคก็ต้องทุ่มเต็มที่เพื่อไม่ให้เหมือนเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช

ที่ จ.ชุมพร พปชร.หลีกทางให้ทีมงานของอดีต ส.ส.ลูกหมี ชุมพล จุลใส ลงแข่งในสีเสื้อของ ปชป. สนามนี้ไม่เข้มข้นเหมือนสงขลา แต่ยังมีผู้สมัครพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรคกล้าลงมาสู้เต็มที่ ก็คงมีผลกระทบบ้าง แม้ที่ผ่านมาคนในภาคใต้จะนิยม ปชป.และ พปชร. แต่มีคนจำนวนไม่น้อยหันมาหนุน ก.ก.และพรรคกล้า หรือพรรคฝ่ายค้านพรรคอื่นๆ แต่พรรคคู่แข่งจะยังไม่ชนะ แม้ว่าพรรคกล้าทุ่มเทเต็มที่ ใช้ทีมงานเก่าของ พปชร.ลงวางเกมสู้ ทราบดีว่าฐานเดิมของอดีต ส.ส.ลูกหมีจะมีหนาแน่นกว่า

สนามเลือกตั้งซ่อมสงขลาจะเข้มข้นมากกว่าชุมพรแน่นอน ต้องดูว่าการหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 2 พรรคใหญ่จะหาเสียงอย่างไร ปชป.ต้องพูดถึงการประกันรายได้ ราคายางพารา ปาล์ม แต่นโยบายต่างๆ ไม่น่าจะมีผล ปัจจัยความนิยมส่วนบุคคลและเครือข่ายฐานเสียงจากคะแนนจัดตั้งจะมีผลโดยตรงมากกว่า แต่เชื่อว่าผู้สมัคร ปชป.น่าจะมีแต้มต่อมากกว่า

ขณะที่ ส.ส.ภาคใต้ใน พปชร.เดิมเคยต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่าง 2 ตำแหน่ง ตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช แต่การมี ส.ส.จากการเลือกตั้งซ่อมอีก 1 เก้าอี้ในภาคใต้ก็ไม่แน่ใจว่าจะไปเพิ่มพลังต่อรองได้จริงหรือไม่

ส่วนการทำหน้าที่คุมการเลือกตั้งโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น ทราบว่า ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้เสนอรายชื่อให้ไปดูแลที่สงขลา ถือว่าน่าสนใจมาก ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสเดินเกมในภาคใต้มาตลอด แต่นายสุชาติไม่คุ้นเคยพื้นที่ น่าสงสัยว่ากำลังเล่นเกมอะไรหรือไม่ ต้องรอดูว่านายสุชาติจะมีฝีมือแค่ไหนก่อนจะไปท้าชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรค มองในแง่ดีการตั้งนายสุชาติอาจทำให้ความสัมพันธ์ภายในพรรคดีขึ้น หากระดมทีมงานลงไปช่วยหาเสียง หรือถ้ามี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ร.อ.ธรรมนัสลงไปหาเสียง บ่งชี้ว่า พปชร.อาจอยู่ในช่วงสมานแผลก็ได้

หากมองถึงผลการเลือกตั้งเชื่อว่ารองหัวหน้าพรรคภาคใต้คนใหม่ของ ปชป.มีความกดดันมากกว่า ขณะที่ พปชร.กดดันน้อยกว่า ถ้าพปชร.พลิกชนะเป็นการยืนยันถึงยุทธศาสตร์ และสร้างความมั่นใจกับแต้มต่อในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้น ส่วน ปชป.ถ้าแพ้ก็จะมีผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไปมากพอสมควร

สำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่เขตหลักสี่ต้องดูว่า ปชป.เคยอ้างมารยาททางการเมืองจะส่งคนลงหรือไม่ อาจขัดแย้งกับสิ่งที่เคยพูดไว้ แต่แนวโน้ม ปชป.จะส่งลงแข่ง หากไม่ส่งจะเสียโอกาสเข้าไปกระชับฐานเสียงเดิมเพื่อเตรียมเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าพรรคไม่ส่งก็คงไม่เกี่ยวกับการเปิดตัวของผู้ว่าฯกทม. สำหรับพื้นที่เขตหลักสี่น่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย (พท.) แข่งกับ พปชร. เนื่องจากพรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมค่อนข้างสูง พรรคต้องการทดสอบความนิยมในสนาม กทม. ส่วน พท.ก็ถือเป็นคู่แข่งสำคัญจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เนื่องจากได้คะแนนในลำดับที่ 2

การเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 สนามเชื่อว่าเขตหลักสี่น่าสนใจที่สุด เป็นการวัดพลังระหว่างพรรคฝ่ายค้านกับพรรครัฐบาล ส่วนผลการเลือกตั้งซ่อม 2 จังหวัดใต้ไม่น่ามีผลโดยตรงกับสนามเลือกตั้งหลักสี่ อย่าลืมว่าสนามเลือกตั้งซ่อมต่างจังหวัดพรรครัฐบาลไม่เคยพ่ายแพ้ แต่ใน กทม.อาจมีปัญหา เพราะคะแนนนิยมของ พปชร.ใน กทม.มีต่ำมากหากเทียบกับ ก.ก.กับ พท.

อรรถสิทธิ์ พานแก้ว
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

การเลือกตั้งซ่อม กทม.จะเป็นตัวชี้วัดกระแสและการตอบรับของพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2562 ได้กระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ บวกกับเรื่องของพื้นที่ ครั้งนี้จะเป็นการวัดว่ากระแส พล.อ.ประยุทธ์จะยังคงมีอยู่หรือไม่

ส่วนพรรคอื่นดูว่าจะสร้างกระแสใหม่ขึ้นมาได้หรือไม่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย (พท.) พยายามรีแบรนด์ มีจุดแข็งใหม่ๆ ขึ้นมา ส่วนก้าวไกล (ก.ก.) เป็นโอกาสจุดประเด็น จุดพื้นที่ขึ้นมา ติดตามวัดกระแสของพรรค ดังนั้น ไม่ว่าจะพรรคไหนการวัดกระแสของพรรคจะเป็นเรื่องใหญ่ว่ากระแสยังมีอยู่ หรือมีกระแสใหม่เกิดขึ้นหรือยัง

พรรคไหนเป็นต่อต้องยอมรับว่า พปชร.เอง ถึงแม้คนอาจมองการทำงานในสภาไปต่างๆ นานา แต่ในเรื่องของพื้นที่ นายสิระ เจนจาคะ รักษาพื้นที่ได้เข้มแข็ง การจะส่งบุคคลใกล้ชิดมาลงอาจทำให้การดูแลพื้นที่ต่อเนื่องเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ถ้าเอาคนอื่นมาก็อาจจะเป็นอีกประเด็น ต้องมาดูกันใหม่ สำหรับพรรคอื่นโดยเฉพาะ พท.เลือกตั้งครั้งที่แล้ว คะแนนแพ้ไปไม่เยอะ ถ้า พท.ยังรักษาพื้นที่เดิม ลงพื้นที่เดิม การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้อาจจะไม่ยาก

สิ่งที่น่าสนใจคือกระแสของพรรคอย่าง ก.ก.จะสามารถสร้างกระแสโดยเป็นการมองคนรุ่นใหม่จริงๆ หรือไม่ การเลือกตั้งซ่อมอาจมองเป็นเรื่องบรรยากาศของการตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ด้วยก็ได้ อย่างที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า คนรุ่นใหม่มีอยู่ 7 แสนคน จะประมาทไม่ได้ การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้อาจเป็นการวัดจุดแรกก็ได้ แม้อาจไม่ได้บอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง แต่คนรุ่นใหม่ใน 1 เขต จะสามารถก่อให้เกิดปรากฏการณ์อะไรได้หรือไม่

การเลือกตั้งซ่อมพรรคและตัวผู้สมัครต้องมาคู่กัน ส่วนนโยบายน่าจะเป็นเรื่องรองลงมาเพราะแต่ละพรรคแสดงฝีมือมา 2 ปีกว่าแล้ว ดังนั้น เป็นเรื่อง ส.ส.กับพื้นที่ ไม่ใช่เรื่องแคมเปญระดับประเทศ ที่สำคัญคือวัดว่าที่ผ่านมาประชาชนมองการทำงานของพรรคทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลอย่างไร

ถ้า พปชร.พ่ายแพ้เลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นสัญญาณอย่างน้อยพรรคต้องเห็น การเลือกตั้งซ่อมเป็นเรื่องของพื้นที่ ไม่ใช่เรื่องกระแสแล้ว ถ้า พปชร.ไม่ชนะ แสดงว่าที่ผ่านมากระแสการใช้ พล.อ.ประยุทธ์ชู ช่วยมาเยอะ แต่ครั้งนี้ถ้าตัวผู้สมัครไม่ดึงดูด กระแสไม่มา ก็อาจจะแพ้ได้ พรรคต้องทำการบ้านอะไรบางอย่างแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image