‘บิ๊กตู่’ นั่งหัวโต๊ะถก ก.ตร.ทิ้งท้ายปี 64 ก่อนร่วมกิจกรรมมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

‘บิ๊กตู่’ นั่งหัวโต๊ะถก ก.ตร.ทิ้งท้ายปี 64 ก่อนร่วมกิจกรรมมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ขอบคุณช่วยงานรัฐบาลตามนโยบาย ชื่นชมใช้เทคโนโลยีมาเสริมการทำงาน ขอตำรวจเป็นสมาร์ทโปลิส สตช.เข้มหวั่นโอมิครอนแพร่

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 13/2564 โดยนายกรัฐมนตรีเดินทางถึง เมื่อเวลา 09.00 น. เข้าถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเยี่ยมชมนิทรรศการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) โดยเมื่อมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร่วมเปิดกิจกรรมพร้อมรับชมนิทรรศการของขวัญปีใหม่ สำหรับประชาชน”มอบความสุขปลอดภัย ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2565″ จากใจรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบของขวัญปีใหม่ทั้งในเรื่องของการป้องกันอัชญากรรม Smart safety zone 4.0 / ฝากบ้าน 4.0 /CCTV ระวังภัยเฟส 2 /การอำนวยความยุติธรรมคดีออนไลน์แจ้งความได้ทุกท้องที่ /ส่วนการสืบสวน เน้น ชุมชนยั่งยืนตรวจสอบประวัติออนไลน์/ใช้ใบสั่งอิเล็คทรอนิกส์/ รวมถึงเปิดบ้านตำรวจ ให้ส่วนลดโรงแรมที่พักฉีดวัคซีนและตรวจหาเชื้อโควิดฟรี ขณะที่การเดินทางท่องเที่ยวปลอดภัย จัดสุภาพบุรุษจราจรจ แอพพลิเคชั่น ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวTourist Police

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวเน้นย้ำว่า ขอให้ใช้แอพพลิเคชั่นนี้ทั่วประเทศเพื่อเป็นการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ก่อนแสดงความภาคภูมิใจ และพอใจในสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ( สนช.) ว่า สามารถดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลมาโดยตลอด โดยการสร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นใจใช้เทคโนโลยี เข้ามาประกอบปฎิบัติ เพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก วันนี้อาชญากรรมมีหลายประเภทหลายวิธีการ แต่ก็ได้เห็นความพร้อมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินการงาน จึงทำให้เกิดความภาคภูมิใจในฐานะที่กำกับดูแล พร้อมขอบคุณที่นำแนวนโยบายไปปฎิบัติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกกิจกรรมที่ทำนั้น ขอให้ทำเพื่อประชาชนให้มีความสุข มีความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน คืองานที่จะต้องทำและปฎิบัติ เป็นทีพึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ดังนั้นสิ่งที่ทำไว้วันนี้ทุกคนจะต้องทำงานด้วยความอดทน อดกลั้น เสียสละ และระมัดระวังตัวอย่างเข้มแข็ง ให้ตนเองปลอดภัยไปด้วย สิ่งสำคัญวันนี้ มีแต่เพียงความภาคภูมิใจ มีแต่เกียรติยศที่จะให้กลับมาดังนั้นต้องรักษาเกียรติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเกียรติตำรวจในยุคใหม่ หรือ สมาทร์โปลิศ พร้อมกล่าวว่า การปฎิรูปตำรวจไ้ม่ได้มองเรื่องการบริการอย่างเดียว แต่มองถึงการปฎิบัติใช้เทคโนโลยีมาดำเนินการกับเตุการณ์ปัจจุบัน เพื่อำนวยความสะดวก เกิดความรวดเร็ว จับกุมดำเนินคดีได้รวดเร็ว พร้อมหลักฐานที่ดีปรากฎอยู่ ซึ่งทั้งหมดจึงขอชื่นชมอีกครั้งหนึ่ง และขอให้ทำงานให้สำเร็จอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตำรวจใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด และเผชิญหน้ากับคนร้ายนโดยตรง ดังนั้นต้องระมัดระวังตนเองให้มากและขอให้ทุกคนปลอดภัย ขอบคุณการทำงานในช่วงที่ผ่านมาและตลอดช่วงปีใหม่ที่ทุกคนจะเหน็ดเหนื่อย ส่วนตนเองจะขอความร่วมมือประชาชน ให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกเรื่อง ในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ร่วมแก้ปัญหาทั้งอาชญากรรม ทั้งทางเทคโนโลยี ปัญหาจราจร อีกมากมายด้วยด้วยการเป็นหูเป็นตา ช่วยให้งานสำเร็จ ประเทศปลอดภัย เป็นที่เชื่อมั่นของชาวต่างประเทศ ที่กำลังเดินทางมาเยือนประเทศไทย

Advertisement

“ขอบคุณในการทำงาน เป็นของขวัญให้กับนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีขอมอบให้กับประชาชนเพื่อให้ทุกคนภาคภูมิใจในศักดิ์ศรี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจทุกคน ที่จะต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกเรื่อง สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และตรวจสอบได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับวาระที่น่าสนใจ เน้นไปที่เรื่องการ พิจารณาวินัยตามเรื่องที่มอบหมาย/การพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่ขอลาออก /การเลื่อนเงินเดือนประจำปี 2564 ครั้งที่ 2 ครึ่งปีหลัง แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนในระดับ ส.6 /การขออนุมัติเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายในห้วงที่มิได้ปฏิบัติราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจ จำนวน 20 ราย /การพิจารณาเทียบตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เทียบเท่าอธิบดี /การแต่งตั้งอนุกรรมการ ก.ตร. และแนวทางการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในโลกวิถีชีวิตใหม่ (New Normal)

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) โดนเฉพาะ “โอมิครอน” ทำให้ สตช.ต้องเข้มงวดการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน โดยไม่อนุญาตให้สังเกตการเหมือนเช่นเคย แต่กำหนดให้เฉพาะช่างภาพพูลเข้าบันทึกภาพเท่านั้น อีกทั้ง ช่างภาพ สื่อมวลชนทุกคนต้องติดบัตรประจำตัวสื่อมวลชนที่ออกโดยต้นสังกัด หรือบัตรประจำตัวสื่อมวลชนประจำ สตช. ผ่านการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมแสดงหลักฐานการเข้ารับการฉีดวัคซีนครบตามที่กำหนด พร้อมสวมใส่หน้ากากอนามัย ตลอดระยะเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรมฯ

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image