เอกภาพ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ‘ปศุสัตว์’ กรณี ‘ปัญหาหมู’
ทั้งๆ ที่มีมติ ครม.ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ให้ความเห็นชอบงบกลางให้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อชดเชยให้กับเกษตรกรเลี้ยงหมูที่สูญเสียจากอหิวาต์สายพันธุ์แอฟริกา
กระนั้น กรมปศุสัตว์ก็ยังออกมาปฏิเสธหน้าตาเฉยว่าไม่เคยพบ โรคระบาดจากอหิวาต์สายพันธุ์แอฟริกาในเดือนมกราคม 2565
แม้เมื่อ ‘ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทย์’ จาก 14 มหาวิทยาลัยร่วม กันทำหนังสือเพื่อยืนยันหลักฐานในทางวิชาการว่าได้มีการแพร่ระบาดของอหิวาต์สายพันธุ์อัฟริกาเกิดขึ้นแล้วในทางเป็นจริง
กระนั้น ในเบื้องต้นกรมปศุสัตว์ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวทั้งใน เรื่องไม่ได้รับหนังสือจาก ‘ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทย์’ ทั้งการแพร่ระบาดของอหิวาต์สายพันธุ์อัฟริกา
ต่อเมื่อจำนนด้วยกระแสและการบีบรัดจากสภาพความเป็นจริงโดยรอบด้านจึงได้แถลงยอมรับตัวอย่าง 1 ตัวอย่างจากการตรวจสุ่มจำนวน 300 จากนครปฐม
แม้จะเคยได้รับความเห็นชอบอนุมัติเงินงบประมาณจากครม. ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 แล้วก็ตาม
สภาพการณ์อันเกิดขึ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของอหิวาต์สายพันธุ์แอฟริกาในประเทศไทยเช่นนี้เป็นสภาพการณ์อันยืนยันอย่างเด่นชัดยิ่งถึงจุดอ่อนและอันตรายอย่างร้ายแรงของ ‘รัฐราชการ’
เป็น ‘รัฐราชการ’ อันมีลักษณะ ‘รวมศูนย์’ และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถามว่าข้อมูลและความเป็นจริงของการระบาดแห่งอหิวาต์สายพันธุ์แอฟริกาอยู่ในความรับรู้ของรัฐบาลและโดยเฉพาะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่
มติเห็นชอบอนุมัติเงินจาก ‘งบกลาง’ ของครม.เมื่อเดือนกรกฎาคมคือคำตอบและเป็น ‘ใบเสร็จ’ ได้อย่างดี
แล้วเหตุใดจึงทำอะไรไม่ได้แม้จะอยู่เดือนมกราคม 2565
จากนี้จึงเห็นได้ว่า ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่าทีของกรมปศุสัตว์ ท่าทีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเอกภาพอันในแบบหนึ่งเดียวได้อย่างยอดเยี่ยม
นั่นก็คือเป็นท่าทีที่ ‘ปฏิเสธ’ เป็นท่าทีที่ปิดบัง ‘ข้อเท็จจริง’
นี่คือกระบวนการบริหารจัดการในแบบของ ‘รัฐราชการ’ และเห็นได้อย่างเด่นชัดภายใต้สภาพที่เรียกว่า ‘ระบอบประยุทธ์’
นั่นคือ มองข้ามประชาชน นั่นคือ ไม่เห็นหัวประชาชน