ก้าวไกลร้อง กกต.ฟัน ‘ธรรมนัส’ ปราศรัยเข้าข่ายสัญญาให้ผลประโยชน์(คลิป)

‘ก้าวไกล’ ร้อง กกต.สงขลาฟัน ‘ธรรมนัส’ ปราศรัยเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ผิดกฎหมาย ด้าน ‘ชัยธวัช’ จวก พปชร. เล่นการเมืองแจกเงิน อวดเป็นผู้มีอิทธิพลดูแล ปชช.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดสงขลา นายธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 6 พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วยทีมงาน เข้ายื่นเอกสารคำร้องต่อ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ปราศรัยเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่

นายธิวัชร์ได้นำคลิปวิดีโอการปราศรัยหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาเปิดเผยให้สื่อมววลชนได้ดู ซึ่งเนื้อหาใจความการปราศรัยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครในนามพรรค พปชร. เป็นการเชิญชวนประชาชนให้เลือกคนที่มีเงิน และเป็นคนใหญ่คนโต แทนคนธรรมดา จึงขอให้ กกต.ดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ตรวจสอบว่าเนื้อหาของการปราศรัยหาเสียงดังกล่าวโดยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 73 (1) ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการ (1) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด หรือไม่ ตลอดจนมีการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือการกระทำอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมหรือเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

Advertisement

2. ตรวจสอบว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีการกระทำอันอาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 22 ที่กำหนดให้ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมิให้สมาชิกกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศ และคำสั่งของคณะกรรมการ ประกอบกับเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมิให้สมาชิกหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการในลักษณะที่อาจทำให้การเลือกตั้งหรือการเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายธิวัชกล่าวว่า การปราศรัยหาเสียงข้างต้นของ ร.อ.ธรรมนัส ปรากฏกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าพรรค พปชร. ร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียงอยู่ด้วย จึงเป็นกรณีที่ปรากฏพฤติการณ์อันอาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศ และคำสั่งของคณะกรรมการ ปรากฏต่อกรรมการบริหารพรรค ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคต้องมีมติหรือสั่งการให้สมาชิกยุติการกระทำนั้นโดยพลัน จึงขอให้ดำเนินการตรวจสอบ สืบสวน ว่าคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร. มีการกระทำที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 22 ข้างต้นหรือไม่

Advertisement

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เนื้อหาการปราศรัยนี้แสดงให้เห็นทรรศนะทางการเมืองของพรรค พปชร. อย่างชัดเจน การรณรงค์ให้ประชาชนเลือกผู้สมัครที่เป็นคนใหญ่คนโต เป็นคนร่ำรวยมีเงิน มากกว่าจะเลือกผู้สมัครที่เป็นคนธรรมดา ด้วยเหตุผลว่าคนที่มีเงิน มีอำนาจ มีอิทธิพล จะสามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้ดีมากกว่า กลายเป็นวัฒนธรรมการเมืองแบบผู้มีอิทธิพลที่กีดกันคนธรรมดาออกจากพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมือง และมองว่าประชาชนคนธรรมดาเป็นกลุ่มคนที่ต้องคอยมีผู้มีอิทธิพลดูแลตลอดเวลา กล่าวได้ว่านี่คือการเมืองที่ผู้มีอิทธิพลมองว่าตัวเองคือผู้ปกครองประชาชน

สำหรับพรรคก้าวไกล เราเชื่อมั่นว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของคนร่ำรวย ผู้ดีมีชาติตระกูล หรือผู้มีอิทธิพลเท่านั้น แต่การเมืองคือเรื่องของประชาชนทุกคน ดังนั้น คนธรรมดาสามัญก็สามารถเป็นผู้แทนประชาชนในสภาได้เช่นกัน เพราะหัวใจสำคัญของการเป็นผู้แทนราษฎรคือการเป็นผู้รับใช้ประชาชนและมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีกว่า ไม่ทรยศประชาชน และพร้อมต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ยอมรับสิ่งที่ผิดบิดเบี้ยวในสังคม นี่คือความแตกต่างของทรรศนะและจุดยืนทางการเมืองระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image